กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า แถลงข่าวความคืบหน้าเหตุระเบิดตู้ ATM ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จังหวัดสงขลา เมื่อ 20 พฤษภาคม 2561

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า แถลงข่าวความคืบหน้าเหตุระเบิดตู้ ATM ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จังหวัดสงขลา เมื่อ 20 พฤษภาคม 2561

เมื่อ 22 มิถุนายน 2561 เวลา 09.30 นาฬิกา พันเอก ธนาวีร์ สุวรรณรัตน์ รองโฆษกกองอำนวยการรักษา ความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ตามที่คนร้ายได้ลอบวางระเบิดตู้ ATM ของธนาคารในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิด และการแจ้งข่าวจากภาคประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดปัตตานี มีเหตุลอบวางระเบิด จำนวน 10 จุด ผลการปฏิบัติร่วมกันของเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 ฝ่าย จนถึงปัจจุบัน มีความคืบหน้า ดังนี้
กรณีเหตุระเบิดตู้ ATM ในพื้นที่ จังหวัดปัตตานี 10 จุด ปัจจุบันศาลจังหวัดปัตตานี ได้ออกอนุมัติหมายจับ ป.วิอาญา จำนวน 10 หมาย สามารถติดตามจับกุมผู้กระทำผิดได้ 8 คน ได้แก่
1) นายมูฮำมัด แวอุเซ็ง 2) นายซูไฮมี มะแซ 3) นายอาแว หะยีเด็ง 4) นายอับดุลรอนิง เปาะลี
5) นายอิสดิน สะอิ 6) นายนุริดิน เจ๊ะอุเซ็ง 7) นายอิสมาแอล อาแซ 8) นายมะยูโซะ มะแซ
ซึ่งใน 8 คน ได้ให้การยอมรับสารภาพว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี 4 คน ส่วนอีก 4 คน ให้การภาคเสธ แต่สารภาพว่าเคยเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงโดยได้ก่อเหตุอื่นๆ ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี
ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน เพื่อขออนุมัติศาลจังหวัดปัตตานี ออกหมายจับอีก 4 คน ควบคุมตัว ตาม พ.ร.ก. เพิ่ม 1 คน รวมทั้งสิ้นทราบตัวผู้กระทำผิดแล้วจำนวน 14 คน และจับกุมได้แล้ว จำนวน 9 คน ยังหลับหนี อีก 5 คน

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2561 เจ้าหน้าตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี ร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 43 ได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนตามคำให้การยอมรับสารภาพ ในสถานที่ก่อเหตุ จำนวน 14 จุด โดยเริ่มต้นตั้งแต่สถานที่วางแผน, สถานที่ฝึกสอนระเบิด, สถานที่รับระเบิด และสถานที่ก่อเหตุวางระเบิด
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จะใช้ ความพยายามอย่างเต็มความสามารถในการดำเนินการด้านกฎหมาย กับผู้กระทำผิดทุกราย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการรวบรวมวัตถุพยาน, ภาพจากกล้องวงจรปิด, คำให้การของพยาน และหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป และต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน ช่วยกันแจ้งเบาะแส และช่วยกันเฝ้าระวัง เพื่อความปลอดภัยและความสงบสุขของจังหวัดชายแดนภาคใต้