รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ต้อนรับคณะหอการค้ามาเลเซีย ประจำรัฐกลันตัน สานสัมพันธ์การค้าไทย มาเลเซีย พร้อมจัด MOU ระหว่างหอการค้ามาเลเซียฯ และบริษัทประชารัฐฯ นราธิวาส

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ต้อนรับคณะหอการค้ามาเลเซีย ประจำรัฐกลันตัน
สานสัมพันธ์การค้าไทย มาเลเซีย พร้อมจัด MOU ระหว่างหอการค้ามาเลเซียฯ และบริษัทประชารัฐฯ นราธิวาส

ที่โรงแรมอิมพีเรียล อ.เมือง จ.นราธิวาส นายก่อพงษ์ โกมลรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ต้อนรับคณะหอการค้ามาเลเซีย ประจำรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย นำโดยโมฮัมหมัดอาลี อามิน บิน อับดุลลาติฟ ประธานหอการค้ามาเลเซีย ประจำรัฐกลันตัน /ดร. โมฮัมหมัด ฟัสลัน บิน กาซาลี รองประธานฯ /โมฮัมหมัด อัซลัน อัมมาร์ บินอับดุลลาติฟ ผู้จัดการหอการค้ามาเลเซีย ประจำรัฐกลันตัน และคณะกว่า 60 คน ที่เดินทางมาในโครงการเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตรและสานสัมพันธ์ทางการค้าไทย มาเลเซีย 2562

โดยมีหัวหน้าส่วนราชการของจังหวัดนราธิวาส ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามความร่วมมือระหว่างหอการค้ามาเลเซียประจำรัฐกลันตัน และบริษัทประชารัฐรักสามัคคีนราธิวาส เพื่อเปิดโอกาสให้นักธุรกิจมาเลเซียได้พบกับองค์กรทางการค้าและธุรกิจในพื้นที่ เป็นการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้หารือและกระชับความสัมพันธ์ ส่งเสริมความร่วมมือทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว

โอกาสนี้ คณะหอการค้ามาเลเซียประจำรัฐกลันตัน และสำนักงานจังหวัดนราธิวาสได้ร่วมบรรยายสรุป และแลกเปลี่ยนข้อมูลทางด้านการลงทุนของแต่ละประเทศ โดยมีหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนร่วมด้วย เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็น และหารือแนวทางขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่าง 2 ประเทศ
ทั้งนี้ นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้มอบหมายให้ นายก่อพงษ์ โกมลรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ต้อนรับคณะหอการค้ามาเลเซียประจำรัฐกลันตัน ซึ่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับคณะหอการค้ามาเลเซียประจำรัฐกลันตัน ที่เดินทางมาเพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตรและสานสัมพันธ์ทางการค้า ไทยมาเลเซีย นอกจากนี้ยังมีกำหนดไปเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัด นราธิวาส ซึ่งเป็นจังหวัดชายแดนใต้สุดของประเทศไทยที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีศักยภาพด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย โดยเป็นจังหวัดที่เป็นที่ตั้งของพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ซึ่งเป็นศูนย์รวมของชาวนราธิวาสและชาวจังหวัดชายแดนภาคใต้ นำมาซึ่งการมีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมากมาย เป็นอันดับ 2 ของประเทศ โดยเฉพาะศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้แหล่งค้นคว้าวิจัยด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านการเกษตร รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสู่การสร้างสัมพันธภาพและความร่วมมือด้านต่างๆระหว่างกันในโอกาสต่อไป
จากนั้น คณะหอการค้ามาเลเซียประจำรัฐกลันตันได้เดินทางไปเยี่ยมชมศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส อีกทั้งได้ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นขุนละหาร และพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลาม (ศูนย์การเรียนรู้คัมภีร์อัล-กุรอ่าน) เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเป็นจุดเริ่มต้นความร่วมมือด้านต่างๆ ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนทั้งสองประเทศต่อไป

ด้านนาย ภาณุมาศ ชนากานต์ ประธานบริษัท ประชารัฐรักสามัคคีนราธิวาส เปิดเผยว่า การจัดโครงการในวันนี้ ถือเป็นมิติใหม่ของการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นภารกิจ 1 ใน 3 ของบริษัทประชารัฐรักสามัคคีที่มีอยู่ทั่วประเทศ คือการเกษตร การแปรรูปและการท่องเที่ยว ส่วนการท่องเที่ยวที่จะพูดกันในวันนี้ คือ การท่องเที่ยวเชิงการค้าและเศรษฐกิจ ซึ่งจะนำมาถึงความต่อเนื่องการมีความสัมพันธ์สร้างพันธมิตรทางการค้า โดยการเชื่อมโยงหอการค้ากับทางประเทศมาเลเซียและหอการค้าไทย ซึ่งเป็นมิติใหม่ที่เราอยากจะให้มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่มันยั่งยืนและมั่นคง โดยที่เรามองว่าบริษัทประชารัฐฯไม่ใช่แค่ช่วยเหลือเฉพาะรากหญ้าเท่านั้น แต่เรามองถึงภาพใหญ่ระหว่างประเทศด้วย เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจของเราจะขึ้นอยู่กับการท่องเที่ยวด้วย ในขณะเดียวกันเศรษฐกิจเราก็ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการหรือผู้ผลิตสินค้าในจังหวัด ซึ่งถ้าไม่มีการเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวไปมาหาสู่ซึ่งกันและกันแล้ว จะมีโอกาสขายสินค้าได้น้อย ฉะนั้นต้องสร้างภาพลักษณ์ที่ดี สร้างการท่องเที่ยวให้เกิดการไปมาหาสู่รวมทั้งจะมีการตกลงในการทำงานที่ต่อเนื่องทั้งมาเลเซีย และทางประเทศไทยร่วมกัน และลงนาม MOU กับหอการค้าที่กรุงเทพฯด้วยโดยมีหลายองค์กรที่จะมาร่วมด้วย
โดยในอนาคตข้างหน้านี้จะมีการพัฒนาโครงการให้มีการร่วมงานกันอย่างต่อเนื่อง โดยมองการพัฒนาที่ไม่ใช่เพียงแค่เศรษฐกิจรากหญ้าเพียงอย่างเดียว แต่จะพัฒนาเศรษฐกิจจากรากหญ้าไปสู่ผู้ประกอบการเล็กๆและเติบโตไปเป็นผู้ประกอบการขนาดกลางที่มีส่วนสำคัญที่จะต่อเนื่องการตลาดกับมาเลเซียเพื่อขยายตลาดและทำให้ผู้ประกอบการสามารถเติบโตขึ้นได้ โดยศึกษาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ว่าของเขามีจุดแข็งอย่างไรเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นแนวทางไปสู่ผลสำฤทธิ์ทางการค้าระหว่างกัน โดยการเชิญซึ่งกันและกันมาดูงานกัน โดยในวันนี้ทางมาเลเซียระบุที่จะมาดูงานทางด้านโครงการพระราชดำริฯที่พระองค์ท่านได้ทำไว้อย่างดี ซึ่งเขาสงสัยว่าทำได้อย่างไร ถึงประสบความสำเร็จในประเทศไทย

ส่วนจุดแข็งของประเทศมาเลเซียที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้านยานยนต์ เขาก็เชิญเราไปดูงานเช่นกัน โดยเฉพาะทุนการศึกษาที่เขามาลงนาม MOU กับมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ให้ทุนการศึกษาไปดูงานพร้อมให้นักศึกษาของเราได้มีโอกาสไปศึกษาหาความรู้ด้านวิศวกรรมยานยนต์โดยเฉพาะอีกด้วย ซึ่งเป็นผลประโยชน์ที่เราจะได้รับร่วมกันทั้งระยะสั้นและระยะยาว.