นราธิวาส จัดกิจกรรมการปล่อยพันธ์สัตว์น้ำ (กุ้งแชบ้วย) 10 ล้านตัว เพิ่มสินทรัพย์ในทะเล และจัดเก็บขยะมูลฝอย สร้างความสวยงามแหล่งท่องเที่ยว

นราธิวาส จัดกิจกรรมการปล่อยพันธ์สัตว์น้ำ (กุ้งแชบ้วย) 10 ล้านตัว เพิ่มสินทรัพย์ในทะเล และจัดเก็บขยะมูลฝอย สร้างความสวยงามแหล่งท่องเที่ยว

ณ บริเวณชายทะเลหาดนราทัศน์ อ.เมืองนราธิวาส นายยะห์ยา ปะนาฆอ นายอำเภอเมืองนราธิวาส เป็นประธานเปิดกิจกรรมการปล่อยพันธ์สัตว์น้ำ (กุ้งแชบ้อย) จำนวน 10 ล้านตัวลงทะ เพื่อเพิ่มจำนวนสัตว์น้ำในทะเลตามโครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเล อันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดปัตตานี และนราธิวาส และจัดเก็บขยะมูลฝอยรอบบริเวณชายหาดนราทัศน์ สร้างความสวยงามรอบสถานที่แหล่งท่องเที่ยว โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกจิตอาสา พ่อค้า ประชาชนเข้าร่วมกิจกรรม

นายธนาวิทย์ ไขยานุพงศ์ นายกเทศมนตรี เทศบาลเมืองนราธิวาส ในฐานะ ประธานองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นด้านการเพาะสัตว์น้ำ เปิดเผยว่า ด้วยกรมประมง ได้จัดสรรงบประมาณให้สำนักงานประมงจังหวัดนราธิวาส ดำเนินโครงการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปัตตานี และจังหวัดนราธิวาส เป็นประจำทุกปี และได้มีนโยบายในการส่งเสริมให้ชุมชนมีบทบาทในการร่วมอนุรักษ์และบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในท้องถิ่น เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำในแหล่งธรรมชาติ ตลอดจนเพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกให้กับประชาชนในการช่วยดูแลรักษา การอนุรักษ์ รวมถึงการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน

โดยกิจกรรมในวันนี้ มีกิจกรรมการปล่อยพันธ์สัตว์น้ำ (กุ้งแชบ้วย) จำนวน 10 ล้านตัว ซึ่งถือเป็นสัตว์น้ำที่สำคัญ สามารถสร้างรายได้ให้แก่พี่น้องชาวประมงในพื้นที่และสร้างการมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลให้มีความอุดมสมบูรณ์ ทั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากส่วนราชการทั้งในและนอกพื้นที่มาด้วยดี อาทิเช่น กองโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และกิจกรรมพิเศษ กรมประมง ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งนราธิวาส เทศบาลเมืองนราธิวาส หน่วยงานสังกัดกรมประมง สมาชิกองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น และประชาชน ซึ่งมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์และยั่งยืนต่อไป

ด้านนายยะห์ยา ปะนาฆอ นายอำเภอเมืองนราธิวาส กล่าวว่า กรมประมงได้ดำเนินการโครงการดังกล่าวเป็นประจำทุกปี และส่งเสริมให้ชุมชนมีบทบาทในการอนุรักษ์และบริหารจัดการทรัพยากรในท้องถิ่น เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของสัว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ ตลอดจนเป็นการสร้างจิตสำนึกให้กับชาวประมงในการช่วยกันดูแล การอนุรักษ์ รวมถึงการประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านั้นได้อย่างยั่งยืน นับว่า เป็นโอกาสดีของพี่น้องประชาชนและชาวประมงได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมในครั้งนี้ หวังว่า พี่น้องประชาชนทุกคนจะมีส่วนช่วยกันดูแลรักษาให้สัตว์น้ำเหล่านี้ ได้เจริญเติบโต ขยายพันธุ์ และสามารถเพิ่มจำนวนให้มากยิ่งขึ้น เพียงพอต่อการบริโภคของประชาชนโดยทั่วไปอย่างยั่งยืนต่อไป.