เส้นทางท่องเที่ยวดีๆ.!! ที่อยากแนะนำ





จากผู้สนับสนุนทั้งหน่วยงานภาครัฐ  และภาคเอกชนที่สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ ที่ให้คุณจิราเมศร์ บุณยรัตน์กานนท์ ผู้บริหาร #108succession และ #108organizer ได้มีโอกาสนำคณะสื่อมวลชนทั้ง กทม.และพื้นที่ โดยมี อุ้มสี ธีรมา วิเสโส เจ้าของ aumteerama.bloggang.com บล็อกเกอร์ฝีมือระดับประเทศ   เป็นแกนเชื่อมประสานสื่อ   ร่วมกันประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี  ในช่วง  18 – 20 สิงหาคม  ที่ผ่านมา

วันแรกเช้าของวันที่  18  สิงหาคม  คณะสื่อจาก  กทม.และเมืองกาญจน์  เดินทางมารวมตัวกันที่ #ร้านของฝากแม่บัวคำ  ร้านอาหารของฝากชื่อดังของจังหวัดกาญจนบุรี  ที่ได้อนุเคราะห์รถตู้ไปรับทีมสื่อจาก กทม. จากที่เราได้รองท้องกันเล็กน้อย   เพื่อคลายเหนื่อยจากการเดินทาง  คณะของเราก็ได้เดินทาต่อไปยังเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น อำเภอท่ามะกา  คุณจิราเมศร์  หัวหน้าทีมได้นำพวกเราไปกราบสักการะอาจารย์โหพัฒน์  ณ โรงเจเข่งซิ่วตั๊ว  ทำไมจึงพาเรามาที่นี่  #อาจารย์โหพัฒน์  สมัยที่ยังไม่มรณพภาพ  บวชอยู่ที่วัดถาวรวราราม  อ.เมืองกาญจนบุรี  เป็นพระปฏิบัติ  สวนมนต์  มีความเป็นปกติด้วยการไม่โลภ  ไม่สะสมปัจจัย  ละเว้นจากกิเลส เป็นที่เลื่อมใสของสาธุชนโดยทั่วไป  อยู่ในสมณเพทได้  35  พรรษา  ก็มรณะภาพเมื่อสิริอายุได้ 56 ปี  หลังจากมรณภาพ  สานุศิษย์ได้เก็บศพไว้  3  ปี  ซึ่งเป็นที่ประหลาดใจมาก  เมื่อเหล่าศิษยานุศิษย์จะนำร่างไปฌาปนกิจ  ปรากฏว่า  ร่างกายไม่เน่าเปื่อย  ทางคณะกรรมการจึงมีมติให้เก็บในโรงแก้ว  และนำไปประดิษฐานไว้ ณ โรงเจดังกล่าว  เพื่อเป็นที่เคารพสัการะแก่สาธุชนโดยทั่วไปมาจนถึงทุกวันนี้

 

คณะของเราใช้เวลาอยู่ตรงนั้นไม่นาน   ก็เดินทางไปชมสตรีทอาร์ท  ที่ช่วยกันสร้างศิลปะข้างห้องแถวหลังเก่าฝีมือของไทยและเทศผสมผสานกันไป  ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงเจเข่งซิ่วตั๊ว  บริเวณนั้นเป็นตลาดเก่า  ซึ่งเป็นตลาดสด  ช่วงเช้ามืดจะมีผู้คนมาจังจ่ายตลาดกันจำนวนมาก  ในพื้นที่มีเรื่องเล่าขารน่าสนใจมากมาย  และยังมีประวัติสำคัญคือ  เป็นทางผ่านของแม่น้ำแม่กลอง  เป็นท่าจอดเรือพระที่นั่งของรัชกาลที่ 5 เสด็จลงเรือพระที่นั่งจากตรงนั้น   เพื่อเสด็จต่อไปนมัสการพระแท่นดงรัง   ซึ่งอยู่ห่างจากตรงนี้ประมาณ 10 กม.

จากนั้นเราได้เดินทางไปยังพิพิธภัณฑ์จักรยานยนต์  ของบริษัทโล้วเฮงหมงมอเตอร์ จำกัด  โดยมีคุณวรวุธ  พงษ์วิทยภานุ  ประธานคณะกรรมการรอต้อนรับ  ชื่อ “โล้วเฮงหมง” เป็นที่รู้จักกันมานานกว่า 50 ปี  ที่ทำธุรกิจในเมืองกาญจนบุรี  เริ่มจากร้านโชว์ห่วย  ขยายกิจการไปจนสู่ธุรกิจพันล้าน  ขยายกิจการไปสู่จังหวัดอื่นๆอีกว่า  10  จังหวัดภาคกลางและภาคตะวันตก  ที่สำนักงานโล้วเฮงหมง  เป็นสถานที่จำหน่ายรถจักรยานยนต์  นอกจากนั้น  ยังได้เก็บจักยานยนต์ทุกรุ่นเอาไว้และเมื่อไม่นาน  ได้เก็บสะสมเอาไว้ในพิพิธภัณฑ์ดังกล่าว  เพื่อให้ผู้คนเข้าไปชมและศึกษากัน

จากการทำธุรกิจที่สร้างองค์ก่อนจนใหญ่โตเป็นที่รู้จัก  แต่ไม่เพียงเท่านั้น  กลุ่มบริษัทมนเครือโล้วเฮงหมง  ยังได้คืนกำไรให้กับสังคมอีกมากมาย  โดยเฉพาะทางด้านการศึกษา  กลุ่มบริษัทในเครือ  ได้บริจาคสร้างอาหารคารเรียนอีกหลายๆแห่ง  รวมมูลค่าแล้วนับ 10 ล้านบาท  นับเป็นองค์กรที่ได้ประโยชน์จากสังคมแล้ว  ยังคืนกำไรให้กับสังคมอีกด้วย  โดยผู้บริหารโล้วเฮงหมง  ยึดหลัก 3 มาตรการหลัก  คือ  เป็นองค์กรที่ดี  เป็นองค์กรที่เก่ง  เป็นองค์กรที่มีคุณค่าทางสังคม  รวมถึงมี 4 หลักการแห่งความสำเร็จ  คือ  ขยันแบบคนจีน  อ่อนแบบคนไทย  เป็นระบบแบบฝรั่ง  และเป็นทีมแบบญี่ปุ่น

คณะของเราได้ใช้เวลาหาความรู้ในพิพิธภัณฑ์  และถ่ายภาพกันแบบสนุกสนานจนอิ่มใจ  ก็ได้เดินทางต่อไปเติมเต็มพุงกันที่  #FunTimeCafé  ปากทางถนนแสงชูโตสายในเข้าสู่เขื่อนแม่กลอง  ทางใกล้กับหอนาฬิกา  ในพื้นที่อำเภอท่าม่วง  เราได้รับการต้อนรับจากร้านนี้ด้วยกาแฟมะพร้าวอ่อน  ซึ่งเป็น  Signature ของร้านนี้  มีการสาธิตการทำเค้กหน้าซ่าหริ่ม  เจ้าแรกเลยน่ะเนี่ยะ  คณะของเราสนุกสนานกันระหว่างสาธิตการทำเค้กวุ้นเส้น  หลังจากนั้นก็หม่ำกันแบบไม่ยั้ง  อิ่มอร่อยกันไปก่อนออกเดินทางต่อไปยัง  #BNNRelaxRaft   ซึ่งยังอยู่ในพื้นที่อำเภอท่าม่วง  ลงเรือทวิริเวอร์ทัวร์  ลงเรือชมบัวแดงริมน้ำ  ซึ่งเป็นต้นน้ำแม่กลอง  ชม  5  วัด 2 ฝั่งแม่น้ำ  ผ่านเรือนที่ประทับของสมเด็จย่า  ส่วนวัดที่สดุดตาของนักท่องเที่มาพบเห็นก็คือ  วัดถ้ำเสือ  เป็นประติมากรรมที่สวยงาม  มีหลวงพ่อชินสีประดิษฐานอยู่เด่นสง่า  คณะของเราได้เพียงแค่นั่งเรือผ่าน

 

จากที่ได้เหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง  เราได้มาแวะรับประทาอาหารกันอย่างอะเร็ดอร่อยกันที่แพริมน้ำ  บรรยากาศดี  ซึ่งอยู่ในพื้นที่ตำบลม่วงชุม เรามาถึงที่แทบจะไม่ต้องรอ  อาหารรสแซบถูกปากก็ถูกนำมาวางตรงหน้า  รสจัด  แกงป่าปลาคัง   ส้มตำแตกรสแซ่บจริงๆ  รวมถึงสาหร่ายทอดจิ้มน้ำพริก  กบตัวโตทอด  แหละอีกหลากหลานเมนู  จนพวกเราต้องหอบกลับไปกินที่พัก  555  เพราะรสชาติอร่อยไง

 

หลังจากอิ่มหมีพีมันแล้ว  เราก็เดินทางต่อไปยังวัดม่วงชม ตั้งอยู่ในตำบลม่วงชุม  ซึ่งที่วัดแห่งนี้  มีตำนานเล่าขานถึงหลวงพ่อเที่ยง  หรือ  พระครูจันทสโรภาส  มรณภาพไหนาน  30  ปี  แล้ว  เป็นพระเกจิชื่อดังที่ไม่ค่อยมีใครกล่าวขาน  แต่แท้จริงแล้ว  เป็นพระที่ชอบทางด้านมวย  มีนิสัยตรงไปตรงมา  สมัยเด็กเพื่อนๆยกให้เป็นพี่ใหญ่  หลังจากที่ได้บวชแล้ว  ก็มักได้รับการนิมนต์ไปร่วมทำพุทธาภิเษกในงานพิธีต่างๆอย่างสมำเสมอ  ท่านเป็นผู้ที่ร้อนวิชา  เก่งทางด้านคงกระพัน  มีอิทธิฤทธิ์  มีเหรียญรุ่น  08  ดังที่สุด  บรรดาลูกศิษย์ที่วัดทั้งเก่าแก่  เล่าให้ฟังว่าถ้าแควนห้อยคอ  แทงไม่เข้า  ยิงไม่ออก  พ้นจากอันตราย รอดตายมาแล้วก็มาก  ทุกวันนี้สังขารของท่าน  ศิษยานุศิษย์  นำประดิษฐานไว้ในมณฑปภายในวัด  ใคร่ขอเชิญชวนผู้ที่นิยมเครื่องรางของขลังเดินทางไปสัการะกันได้  หลังจากที่เราได้เข้าสักการะและฟังเรื่องดีๆกันจบหมดเปลือก  เราก็เดินทางกันต่อ

จุดหมายต่อไปเราไปกันที่เมืองมัลลิกา  สถานที่สร้างขึ้นเป็นการอิงประวีติศาสตร์  สมัย  รศ.124 ตั้งอยู่เลขที่  163 ต.สิงห็ อ.ไทรโยค   เป็นเมืองย้อนยุคของวิถีชีวิตชาวสยามบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ วิถีชีวิตของชาวสยามในยุค ร.ศ.๑๒๔ มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายหลายด้าน ที่เด่นชัดมากคือการประกาศเลิกทาส เมื่อทาสได้รับความเป็นไทพวกเขาต้องใช้ชีวิตอยู่อาศัยและทำมาหากินด้วยตนเอง ไม่ได้อยู่ภายใต้อาณัติหรือการดูแลของบรรดาเจ้าขุนมูลนายอีกต่อไป พวกเขาต้องดำรงชีวิตให้อยู่รอด พึ่งตนเอง และอยู่ร่วมกับคนสยามทุกหมู่เหล่า การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเหล่านี้นับเป็นรากเหง้าสำคัญของคนไทยในยุคปัจจุบัน

ภายใน  ยังมีการตั้งร้านจำหน่ายสินค้าแบบไทยโบราณ  เช่น  ขนมครก  ขมต้มแดงต้มขาว  เสื้อผ้าเครื่องของใช้ต่างๆ  อีกมากมาย  โดยใช้สตางค์รูแทนค่าเงินในปัจจุบัน   เพื่อจับจ่ายซื้อสิ่งของภายในบริเวณเมือง  มีการประติมากรรมตกแต่งเหมือนยุค รศ.124 เริ่มจากซุ้มประตู  ผ่านเข้าไปภายใน  มีคลองน้ำไว้สำหรับเล่นเห่เรือ  และลอยกระทง  มีอาหารทรงไทย  รวมทึ้งมีการแสดงการสีข้าว  ฝัดข้าว  เก็บกรวดหินดินทรายจากข้าวที่สีแล้ว  สาธิตการหุงข้าวแบบโบราณ  การเล่นขี่ม้าก้านกล้วย  การรักษาโรคด้วยกะลามะพร้าว ฯลฯ  ออ  ผู้ที่ต้องการแต่งชุดร่วมสมัย  ที่นั่นก็มีให้บริการกับนักท่องเที่ยวเพื่อย้อนยุคเอาไว้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกลับไปกันด้วย เราใช้เวลากันที่นั้นไม่นานนัก  เนื่องจากเราไปก็ใกล้จะได้เวลาปิดทำการแล้ว  อย่างไรก็ถามท่านใดมีปัญหาประการใด   ก็สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่  034-540884-86  หรือ  อีเมล  info@mallika.com

 

เป็นอันว่า  คณะของเราก็จบทริปวันแรกกันที่นี่  ก่อนที่จะเดินทางกลับเข้าที่พักและรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน  โดยร่วมรับประทานอาหารกันที่  #ร้านยำแหลก  อิ่มท้องแล้วก็กลับเข้าพักผ่อนกันเก็บแรงเอาไว้วันรุ่งขึ้น