ตามคณะสื่อไปสัมผัสบรรยากาศท้องทุ่งเห็นวัดตั้งบนเนินเขาสูงเด่นเป็นสง่า  




ทริปของวันที่  19  สิงหาคม 2563  เป็นการเดินทางวันที่สองของคณะเรา  ตามเส้นทางในการทำกิจกรรมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในพื้นที่เมืองกาญจน์ร่วมกัน  หลังจากอาหารเช้าในที่พัก  เราก็เดินชมบรรยากาศยามเช้าย่านสะพานข้ามแม่น้ำแคว  เก็บภาพกันจนจุใจก็มุ่งหน้าต่อไปยัง  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  สำนักงานกาญจนบุรี  เพื่อพูดคุยกับ ผอ.นางสาวปิยพัชร์ วงศ์โดยหวัง ถึงแผนการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี  คุยจบสรุปได้ว่า  ภารกิจของ  ททท. ก็จะเดินหน้าเรื่องการตลาด  การประชาสัมพันธ์  รวมถึงการส่งเสริมการขาย  ทำให้คนไทยเที่ยวไทยมากขึ้น  มีการท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดและภูมิภาคมากขึ้น  พร้อมทั้งวางแผนทั้งระยะสั้น  ระยะกลาง  และระยะยาว  เพื่อชดเชยนักท่องเที่ยวที่หายไปในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19  ซึ่งช่วงนี้ก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้น  ขณะเดียวกันก็พยายามสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการ  และนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มีความมั่นใจมากขึ้น   ซึ่งหลังจากมีการปลดล๊อคดาวน์  เมื่อวันที่ 19  พฤษภาคม  ที่ผ่านมา  ได้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้ามามากขึ้น    แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นการเที่ยวแบบวิถีใหม่  อยากให้ทุกคนเตือนตัวเอง  ป้องกันตนเองในเรื่องของการแพร่เชื้อและติดเชื้อ  รวมทั้งการแสดงตัวโดยการใช้แอ๊ปพริเคชั่นไทยชนะในทุกๆที่

นอกจากนี้การท่องเที่ยวภูมิภาคภาคกลาง  ก็ยังมุ่งเน้นไปในการท่องเที่ยวแห่งสายน้ำ   ให้เชื่อมโยงกับชุมชนริมน้ำและอาหารอร่อยควบคู่กันไป  รวมถึงการเน้นย้ำให้ช่วยกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม    ที่ต้องการจะให้นักท่องเที่ยวรับผิดชอบร่วมกัน  และจัดทริปเชื่อมโยงทางน้ำระหว่างอำเภอ  พร้อมกันนี้ก็ได้หารือกับสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี  เพื่อลดค่าที่พักแต่ทางสมาคมฯจะช่วยกันชดเชยให้  ซึ่งมีโรงแรมเข้าร่วมโครงการแล้วประมาณ 20  โรงแรม  มีคูปองให้กับนักท่องเที่ยวเพื่อจับจ่ายใช้สอยในร้านอาหาร  ร้านกาแฟที่ร่วมโครงการกับเรา  โดยนักท่องเที่ยวสามารถจองตรงผ่านโรงแรมโดยตรงได้เลย  ซึ่งขณะนี้ก็มีนักท่องเที่ยวได้เข้ามาใช้บริการบ้างแล้ว  ถ้ามีปัญหาสามารถสอบถามได้สำนักงานการท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี  และสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหัดกาญจนบุรี  โครงการนี้ก็เป็นโครงการดีๆที่มอบให้กับนักท่องเที่ยว   พร้อมทั้งผู้ประกอบการก็จะได้ประโยชน์อีกทางหนึ่งด้วย  นั่นคือข้อมูลโดยสรุปที่ได้จากผู้อำนวยการ

จากนั้นคณะของสื่อมวลชนก็เดินทางต่อไปยัง #ฟาร์มสมบูรณ์ ตั้งอยู่ริมถนนแสงชูโตสายใน   ในพื้นที่ย่านตลาดอำเภอท่าม่วง  ซึ่งเป็นศูนย์จำหน่ายอาหารแปรรูปจากเนื้อสุกรครบวงจร  และที่สำคัญร้านนี้ยังรับสินค้าจากชุมชนมาช่วยจำหน่ายในร้านเป็นการสนับสนุนอาชีพของชุมชนอีกด้วย  โดยเฉพาะผักปลอดสารพิษ และสินค้าที่เป็นของฝากหลากหลายชนิดมีวางจำหน่ายในราคาถูก โดย #ฟาร์มสมบูรณ์  ให้บริการอยู่ในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงด้วยเช่นกัน

คณะของเราใช้เวลาอยู่ที่นั่นไม่นานนัก  ก็เดินทางต่อไปยังอนันดาคาเฟ่  ซึ่งอยู่ในพื้นที่ ต.ม่วงชุม  อ.ท่าม่วง  เพื่อรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน   ณ  บริเวณนั้นได้รับความสดชื่นจากลมโชยไปมา  ได้สัมผัสกับบรรยากาศท้องทุ่งของไทยๆ  ที่รายล้อมบริเวณร้าน  และที่โดดเด่นนอกจากการตกแต่งร้านที่ร่มเย็นแล้ว  ยังไม่พลาดที่จะได้เห็นความงดงามของวัดถ้ำเสือ  เป็นประติมากรรมที่สร้างเด่นสง่าเหมือนจงใจให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชม  ซึ่งทางร้านก็ได้จัดสรรบริเวณภายในร้านให้ได้เซลฟี่กันอย่างจุใจ  รับรองว่าใครได้ไปที่นั่น  จะต้องหวนกลับมาอีกอย่างแน่นอน  เพราะนอกจากจะมีองค์ประกอบดังกล่าวแล้ว  ที่อนันดาคาเฟ่  มีครัวตำยกครก  อาหารไทย อาหารอีสาน ที่ถูกปากนานาชนิดให้อิ่มอร่อยกัน  พร้อมทั้งเครื่องดื่ม  ร้านกาแฟ  ที่รสชาติเป็นเอกลักษณ์ของร้านให้ได้เลือกดื่มกัน  เอาละขอแค่นี้ก่อนน่ะ  เพราะยิ่งสารทยายท้องก็ยิ่งร้อง  ขอตัวไปตำยกครกก่อนก็แล้วกันน่ะคร๊าบบบ  ไปล่ะ

ที่หมายสุดท้ายสำหรับเส้นทางวันที่สองของทริป  เป็นอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด  คือ  #ศุนย์ของฝากแม่บัวคำ  ที่ได้ส่งสืบทอดกันมารุ่นถึงรุ่นลูกมี คุณวงษ์ศักดิ์ อิสระกาญจน์กุล (เฮียกี๋)  และ คูณจินตนา อิสระกาญจน์กุล (ซ้อจิน)  เป็นผู้บริหาร    ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนแสงชูโตสายนอกในพื้นที่ อ.ท่ามะกา  เป็นศูนย์ของฝากมากมาย  รวมขนมประเภทวุ้นหลายหลากรส  และ Signature ของฝากร้านนี้คือ  วุ้นเส้นตราสิงโต  ที่ทำด้วยถั่วเขียว 100 % ที่สร้างชื่อเสียงไปทั่วประเทศมานานนับสิบปี  ช่วยสร้างหลักฐานเป็นปึกแผ่นให้แม่บัวคำ  และส่งสืบทอดต่อมาถึงรุ่นลูกหลาน

นอกจากนี้ยังมีฝากที่มีชื่อจากพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี  และของเด่นดังจากนอกพื้นที่ที่คัดสรรแล้วทั้งสิ้น  มาวางจำหน่ายให้ซื้อเป็นของฝากกัน  รวมถึงเสื้อผ้าสวยๆ  มีให้เลือกเป็นของที่ระลึกจากเมืองกาญจน์ติดมือกลับบ้าน สำหรับผู้ที่แขวนท้องมาก็ไม่ต้องห่วงว่าจะหิวจนท้องกิ่ว  เพราะที่นี่มีศูนย์อาหารให้เลือกซื้อใส่ท้องให้อิ่มกันอย่างแน่นอน  ออ  สำหรับนักท่องเที่ยวที่นิยมรถเก่า  ที่ศูนย์อาหารแห่งนี้ยังมีรถเก๋งโบราณ 6 ประตู ที่ยาวเท่าตู้รถไฟเห็นจะไม่ผิด  นี่ไม่ได้โม้นา  ถ้าใครมีคันนี้ก็สามารถพาเที่ยวกันได้ทั้งครอบครัวเลยทีเดียว  แม้กระทั่งพี่น้องสื่อยังรุมตามกันเล้ยย.. ขอบอก  แล้วเจอกันในทริปที่สามน่ะครับ  ช่วงนี้ขอพักสายตาก่อน