จับตาศึกชิงอธิการฯ ถึงเวลา “ไม่เอาสืบทอดอำนาจ” “สถาพร”แถลงนโยบายได้ดี กระแสตอบรับพุ่งขึ้น

ชิงอธิการบดี “พ่อขุน” ม.รามคำแหง เดือด! “สถาพร”ส่อเบียดชิงลูกเขย อดีตปลัดคมนาคมสุพจน์ ทรัพย์ล้อม  เปิดนโยบายพลิกโฉมสถาบัน ผุดสวัสดิการให้บุคลากร-ลูกจ้างเต็มที่ พร้อมจัดการศึกษารูปแบบใหม่ เตรียมเข้าคูหา กากบาท 20 ต.ค.นี้

เมื่อวันที่ 29 ก.ย.63  ได้มีการเปิดแถลงนโยบายของผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็นอธิการบดี ม.รามคำแหง ที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้จัดให้มีการแถลงนโยบายของผู้สมัครเข้ารับการสรรหา เป็นอธิการบดี ต่อบุคลากรสายคณาจารย์ ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างฯ และนักศึกษา โดยมีผู้สมัคร 3 ราย ประกอบด้วย ผศ.ดร.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ หมายเลข 1 ผศ.ดร.สถาพร สระมาลีย์ หมายเลข 2 และ รศ. ดร.ปรัชญา ชุ่มนาเสียว หมายเลข 3

ผศ.ดร.สถาพร แถลงนโยบาย ชูสโลแกน ทำได้ไว ทำได้จริง 100 % มุ่งพลิกโฉมมหาวิทยาลัย สร้างความเป็นเลิศ กระจายงาน  กระจายรายได้ของบุคลากร  การสร้างสวัสดิการเป็นรายได้นอกจากเงินเดือน   พร้อมเรียกคืนสิทธิจ่ายเต็มเงินเดือนของพนักงานสายอาจารย์  คืนสิทธิ์ค่าคุมสอบ  ปรับค่าคุมสอบให้กลับมาเช่นเดิม  การคืนสิทธิการเรียนภาษาจ่ายคืน 5,000 บาท และภาษาที่ 2  จะได้เพิ่มอีก 5,000 บาท รวมถึงการจัดสรรงบประมาณการทำวิจัยแก่คณะอาจารย์ คณะละ 1 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน มีนโยบายนักศึกษาจบไว ด้วยการสอบ eTesting ยุคใหม่ ให้นักศึกษาสาขาวิทยบริการฯในต่างจังหวัด ค่าหน่วยกิตเหลือ 25 เท่ากับส่วนกลาง มหาวิทยาลัย พร้อมจัดตั้ง ”ตู้ลงทะเบียนเรียนอัจฉริยะ” เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักศึกษาที่ไม่สะดวกในการใช้สมาร์ทโฟนและ On line หรือสำหรับผู้มาลงทะเบียนเรียนในมหาวิทยาลัย ตลอดจนดำเนินโครงการ” เรียนรามวันแรกมีงานทำ” จัดหารายได้ให้นักศึกษาโดยทำข้อตกลง กับ ภาคเอกชนเจ้าของกิจการ หาตลาดแรงงาน รองรับภายหลังสำเร็จหลักสูตรการอบรมระยะสั้น ส่วนลูกจ้างมหาวิทยาลัยเกษียณรับบำเหน็จ 5 เท่าของเงินเดือน นอกจากนี้ ยังระบุว่าจะนำทุกอาคารกลับมาใช้งานโดยไม่ทิ้งร้าง และเอาผิดทางอาญาและแพ่งกับผู้ที่สร้างความเสียหาย

ขณะที่ ผศ.ดร.สืบพงศ์ ประกาศ นโยบายการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษา ยกระดับคุณภาพทรัพยากรมนุษย์ มุ่งเปลี่ยนระบบการบริหารจัดการ ผลักดันโครงการวิจัยหลังโควิด-19 รวมถึงสวัสดิการแก่บุคลากร ลูกจ้าง ด้าน ผศ.ดร.ปรัชญา หาเสียงด้วยการปรับเปลี่ยนมาตรฐานการศึกษาและการบริการ เชิงวิชาการของมหาวิทยาลัยรามคำแหงให้เข้ากับนโยบายของรัฐบาล การกระตุ้นยอดนักศึกษาให้เรียนต่อปริญญาโททันที การเพิ่มความหลากหลายของนักศึกษา ด้วยการเจาะกลุ่มผู้สูงอายุ ทหารเกณฑ์ให้เข้ารับการศึกษา พร้อมมีนโยบายอยากสอบเมื่อไหร่ก็สอบ เพื่อผ่อนภาระและความแออัดการสอบลง

สำหรับการสรรหาอธิการบดี มหาวิทยาลัยรามคำแหงครั้งนี้มีคนขอใบสมัคร 13 ราย แต่มีผู้ยื่นใบสมัครเพียง 4 คน ถูกตัดสิทธิ์ 1 คน เหลือผู้ชิงตำแหน่ง 3 คน โดยนายสถาพร สระมาลีย์ และ นายปรัชญา ชุ่มนาเสียว เป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยรามคำแหง ขณะที่นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ เป็นนักวิชาการ และเป็นลูกเขย นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดคมนาคม ที่ถูกปล้นสินสอดในแต่งงาน ได้ร่วมชิงตำแหน่งด้วย โดยขั้นตอนต่อไปคือ การเปิดให้ใช้สิทธิลงคะแนนหยั่งเสียงสรรหาอธิการบดีในวันที่ 20 ตุลาคม 2563 นี้ ทั้งส่วนกลาง และสาขาวิทยบริการฯ 23 จังหวัด

หลังจากการแถลงนโยบายจบลง ได้เดินคุยกับอาจารย์เจ้าหน้าที่ถึงผลการแถลงนโยบายต่างก็บอกว่า อ.สถาพร แถลงได้ดี หนักแน่น มองเห็นทิศทางในอนาคต รวมถึงทิศทางของวิทยบริการ ส่วน อ.สืบพงษ์ ก็มีนโยบายบางเรื่องน่าสนใจ แต่การอธิบายในเวลาที่มึอยู่ยังไม่ชัดเจนนัก ยังมองไม่เห็นภาพ แต่ได้เปรียบในแง่โครงสร้างอำนาจ  ส่วน อ.ปรัชญา มีนโยบายหลายเรื่องคล้ายกับอ.สถาพร