สงขลา เร่งสร้างจุดตรวจช่องทางธรรมชาติร่วมไทย -มาเลเซีย สกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ

ผู้บัญชาการกองกำลังเทพสตรี และคณะ ตรวจแนวชายแดน บ้านคลองช้างตาย ตำบลเขาแดง อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา เร่งสร้างจุดตรวจช่องทางธรรมชาติ ร่วมไทย -มาเลเซีย สกัดกั้นและป้องกันการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ

เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2565 พล.ต.วรเดช เดชรักษา ผบ.พล.ร.5 / ผบ.กกล.เทพสตรี / ประธานคณะทำงานทางบก ฝ่ายไทย พร้อมด้วย พ.อ. ฐนิตพนธ์ หงษ์วิไล ผบ.ร.5 / ผบ.ฉก.ร.5 และคณะทำงานทางบกฝ่ายไทย ให้การต้อนรับพล.ต. ดาโต๊ะ มูฮัมหมัด ฮูไซมี ซับบรี ผบ.พล.ร.2 มาเลเซีย ประธานคณะทำงานทางบก ฝ่ายมาเลเซีย และคณะ

เพื่อตรวจเยี่ยม และ ติดตามการก่อสร้าง ฐานปฏิบัติการร่วมไทย – มาเลเซีย ณ พื้นที่ก่อสร้างฐานปฏิบัติการร่วมไทย – มาเลเซีย บริเวณหลักเขตแดนที่ 36 / 100 บ.คลองช้างตาย ต.เขาแดง อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ซึ่งได้ร่วมกันหารือ แนวทางการปฏิบัติงาน ร่วมกัน ในพื้นที่ ดังมีข้อสรุปดังนี้

1. แนวทางการก่อสร้างจุดตรวจร่วม และฐานปฏิบัติการร่วมของทั้งสองประเทศ สำหรับฝ่ายมาเลเซียปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว 30%

ส่วนของฝ่ายไทย เตรียมการไว้ 2 ระยะ คือ
1.1 ระยะแรก ดำเนินการด้วยอาคารชั่วคราว (temporary building) คาดว่าเริ่มดำเนินการใน ห้วงเดือน เม.ย.65 รับการสนับสนุนจาก กอ.รมน.ภาค 4 สน. ปัจจุบันได้รับอนุมัติอาคารจำนวน 3 หลัง
1.2 ระยะสอง ดำเนินการสร้างอาคารถาวร ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการ
2. การประสานความร่วมมือ ในการแลกเปลี่ยนข่าวสาร ระดับผู้ปฏิบัติในพื้นที่


3. การประสานความร่วมมือลาดตระเวนร่วม ไทย มาเลเซีย แบบไม่เป็นทางการ โดยลาดตระเวนในพื้นที่ของแต่ละประเทศ และนัดพบที่บริเวณหลักเขตแดน เพื่อพัฒนาสัมพันธ์ และแลกเปลี่ยนข่าวสาร


4. การประสานความช่วยเหลือในทุกด้าน เมื่อมีการร้องขอของทั้งสองประเทศ
โดยบรรยากาศ ในการพบปะหารือร่วมกันเต็มไปด้วยความอบอุ่น ความผูกพัน และความเป็นมิตรไมตรีจิตรที่ดีต่อกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสัมพันธ์อันดี ของทหารบกไทย และทหารบกมาเลเซีย ที่มีมาอย่างยาวนาน

ทั้งนี้การปฏิบัติเป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
พล.ต.วรเดช เดชรักษา บอกว่าในการสร้างฐานปฎิบัติการณ์ บริเวณดังกล่าว เป็นการเลือกของทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็นช่องทางธรรมชาติ ซึ่งเดิมที ในช่วงก่อนโควิดฯ ก็มีการลาดตระเวน ร่วมกันอยู่แล้ว ในลักษณะกำลังผสม แต่ในช่วงนี้เป็นช่วงจำกัด แต่เราก็พยายามจะลาดตระเวน ในรูปแบบคู่ขนาน


ซึ่งความสัมพันธ์ที่ดีอยู่แล้ว เชื่อว่าจะยิ่งมีผลในเรื่อง ของการดูแลชายแดน ในทุกๆด้านไม่ว่าจะเป็นการป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย เช่นเรื่อง หลบหนีข้ามประเทศ แรงงานต่างด้าว ยาเสพติด หรือสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ ตามแนวชายแดน เมื่อได้มีกำลังทั้งสองฝ่ายอยู่เป็นจุดตรวจ ก็จะทำให้การสกัดกั้นป้องกันตามชายแดน บริเวณนี้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น