ศูนย์ ปภ.เขต 2 สุพรรณบุรี ขับเคลื่อนการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการแจ้งเตือนภัยพิบัติ

นายพิภพ บุญธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นประธานเปิดโครงการสร้างและพัฒนาศักยภาพเครือข่ายการแจ้งเตือนภัยพิบัติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 หรือการสร้างเครือข่ายการแจ้งเตือนภัยพิบัติภาคประชาชน ณ โรงแรมศรีอู่ทองแกรนด์ อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุพรรณบุรี ในวันนี้(10 ก.ค.61)

พร้อมกล่าวว่า ภัยพิบัติที่เกิดขึ้น ที่เป็นภัยพิบัติตามธรรมชาติ ได้สร้างความเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ในแต่ละปีเป็นจำนวนมหาศาล ขณะนี้ประชาชน เริ่มตระหนักและรับรู้ ถึงผลของภัยพิบัติมากขึ้น แต่การจะห้ามภัยพิบัติ คงเป็นเรื่องยาก แต่สิ่งที่สามารถทำได้คือ การเตรียมความพร้อมก่อนเกิดภัย และการหาแนวทางในการลดผลกระทบ พร้อมสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน เพื่อที่จะรับมือกับภัยพิบัติให้ได้ นอกเหนือจากการเตรียมความพร้อมในเชิงกายภาพ ให้พร้อมรับมือกับภัยพิบัติ ที่อาจเกิดขึ้นแล้ว การแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะช่วยลดความสูญเสีย จากเหตุการณ์ต่าง ๆ อาทิ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน หรือเรือล่มที่ภูเก็ต เหตุการณ์ดังกล่าว หากเชื่อระบบการแจ้งเตือนภัย ดังกล่าว ก็จะไม่เกิดความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่อย่างเช่นที่ผ่านมา

ซึ่งเชื่อมั่นว่า เครือข่ายการแจ้งเตือนภัยพิบัติภาคประชาชน จะเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันและลดความสูญเสีย จากภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่ชุมชนของตนเอง โดยนำความรู้ที่ได้รับด้านภัยธรรมชาติ วิธีการแจ้งเตือนภัย การเตรียมความพร้อม การรับมือ และการป้องกันตนเองจากการเกิดสาธารณภัย หรือ ภัยพิบัติต่าง ๆ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

 

 

ด้านนายบุญยิ่ง คุ้มสุพรรณ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ๒ สุพรรณบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่าการจัดงานในครั้งนี้ นอกจากเป็นการสร้างเครือข่ายแล้ว ยังเป็นการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทและภารกิจของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติตลอดจนบทบาท และภารกิจหน้าที่ในการเป็นเครือข่าย และให้ความร่วมมือกับศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติในการให้ข้อมูลและการแจ้งเตือนภัยของไทยอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ตลอดจนช่วยทำหน้าที่ในการดูแลรักษาเครื่องมือและอุปกรณ์เตือนภัยในพื้นที่ด้วยอีกทางหนึ่ง ที่สำคัญคือแสวงหาอาสาสมัครทำหน้าที่เฝ้าระวังเหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในพื้นที่ และรายงานสถานการณ์ให้ศูนย์เตือนภัยแห่งชาติทราบและประสานการให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที

ทั้งนี้การจัดงานดังกล่าว มีผู้เข้ารับการอบรมจากจังหวัดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี และสุพรรณบุรี จำนวนทั้งสิ้น 160 คน