โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงแม่ทัพภาคที่ 4 ยืนยันนามสกุลคล้ายกัน แต่ไม่รู้จักกัน

โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงแม่ทัพภาคที่ 4 ยืนยันนามสกุลคล้ายกัน แต่ไม่รู้จักกัน

 

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2561 เวลา 09.30 น. ที่ ห้องแถลงข่าว ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พันเอก ปราโมทย์ พรหมอินทร์   โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากกรณีกลุ่มพรรคการเมืองพรรคประชาชาติ ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มวาดะห์ นักการเมืองกลุ่มเก่า ได้มีการประชุมจัดตั้งพรรคการเมือง และคัดเลือกหัวหน้าพรรค ด้วยการขอมติสมาชิกพรรค เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งผลการคัดเลือก นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีต รมว.มหาดไทย ได้รับมติเห็นชอบจากสมาชิกให้ดำรง ตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาชาติ และมีการคัดเลือกกรรมการบริหารพรรค ซึ่ง 1 ในกรรมการบริหารพรรคมี นาย สุรพล นาควานิช ทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนพรรคประชาชาติ จากนามสกุลของ นายสุรพล ที่คล้ายคลึงกันกับ พลโท ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4/ผอ.รมน.ภาค 4 ทำให้สื่อบางสำนักนำไปเป็นประเด็นทางการเมือง โดยล่าสุดเมื่อ ต้นเดือน สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา

ได้มีการเผยแพร่ ข้อมูลผ่านสื่อต่างๆ ว่ามีความสัมพันธ์ เป็นญาติกับ พลเอก ธีรชัย นาควานิช อดีต ผู้บัญชาการทหารบก และ พลโท ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ทำให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความเข้าใจผิดว่า มีความสัมพันธ์ ด้านเครือญาติกับ ตระกลู “นาควานิช” ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ พลโท ปิยวัฒน์ นาควานิช ว่ามีส่วนสนับสนุนฐานเสียงให้กับพรรคการเมือง ในพื้นที่ ได้รับการยืนยันจาก พลโท ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4/ผอ.รมน.ภาค 4 และบุคคลในตระกูล “นาควานิช” ชี้แจงว่าไม่รู้จัก นายสุรพล นาควานิช เป็นการส่วนตัว และไม่มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติ ทั้งทางตรงและทางอ้อม

ทั้งนี้ ตนเองและบุคคลในตระกูลไม่เกี่ยวข้องหรือให้การสนับสนุนกับกลุ่มการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในประเทศมีคนมากมายนามสกุลเหมือนกันตรงกัน หรือแม้แต่บางคนชื่อและนามสกุลก็ตรงกัน แต่ไม่ได้ มีความสัมพันธ์ฉันเครือญาติ ดังนั้นก่อนตัดสินใจเชื่อในสิ่งไหนก็ตาม ขอให้ใช้สติไตร่ตรองข้อมูล ไม่อย่างนั้นท่านอาจจะตกเป็นเหยื่อ ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มผู้ไม่หวังดี และหากมีการตรวจพบว่ามีการแอบอ้างหรือบิดเบือนให้เกิดความเสียหาย อาจจำเป็นต้องใช้มาตรการตามกฎหมายตามความเหมาะสมต่อไป