สคร. 5 ราชบุรี แนะวิธีป้องกันโรคปอดอักเสบ พร้อมเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

สคร.5

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 จังหวัดราชบุรี ได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมควบคุมโรค ติดตามสถานการณ์ของโรคปอดอักเสบอย่างใกล้ชิด พร้อมมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัด ดำเนินมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคปอดอักเสบอย่างเข้มข้นทุกช่องทางเข้า-ออกประเทศ แนะหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือมลภาวะที่เป็นพิษ หากมีไข้สูง ไอมีเสมหะ เหนื่อยหอบง่าย ควรรีบพบแพทย์ทันที

นายแพทย์สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 จังหวัดราชบุรี กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวในประเทศจีนว่า พบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสจำนวน 44 ราย จากเมืองอู่ฮั่น ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตนั้น จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ทางการจีนได้ดำเนินการสอบสวนโรคและอยู่ระหว่างการตรวจหาสาเหตุ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุก่อโรค แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าไม่ใช่เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก อะดิโนไวรัส หรือโรคทางเดินหายใจที่พบได้ทั่วไป

ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ได้มอบหมายให้ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ทำการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น โดยการคัดกรองอาการไข้และอาการที่เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจ ในผู้ที่เดินทางจากเมืองอู่ฮั่นเข้ามาในประเทศไทย สำหรับประเทศไทยได้มีการประกาศให้โรคซาร์ส (SARS) เป็นโรคติดต่ออันตราย ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งต้องมีการรายงานผู้ป่วยที่สงสัย ทำการแยกกัก โดยมีการเตรียมความพร้อมทางห้องปฏิบัติการ และทีมสอบสวนโรคติดต่ออันตรายในทุกจังหวัด และในส่วนกลางอีก 8 ทีม โรคซาร์ส (Severe Acute Respiratory Syndrome: SARS) หรือโรคทางระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสในตระกูลโคโรนาไวรัส (Coronavirus) เดิมพบการติดเชื้อนี้ได้เฉพาะในสัตว์ที่มีขนาดเล็ก แต่ต่อมามีการกลายพันธุ์ เกิดการติดเชื้อในมนุษย์ขึ้น และแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงแรกผู้ที่ติดเชื้อจะมีอาการคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส หรือมีอาการ ติดเชื้อที่ปอดและทางเดินหายใจ เช่น ไอแห้ง หรือหายใจลำบาก เป็นต้น โดยสถานการณ์ของโรคซาร์ส (SARS) ในประเทศไทยพบว่าไม่เคยมีรายงานผู้ป่วยยืนยันโรคซาร์สภายในประเทศ ยกเว้นเจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกที่ป่วยด้วยโรคซาร์ส และเดินทางเข้ามารับการรักษาที่ประเทศไทย โดยไม่มีการติดเชื้อรายใหม่เพิ่มเติม สำหรับประเทศจีนเคยมีโรคซาร์สระบาดเมื่อปี 2546 ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 349 ราย

นายแพทย์สมาน กล่าวต่อไปว่า สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปยังประเทศที่มีรายงานผู้ติดเชื้อปอดอักเสบ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้ หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือสถานที่ที่มีมลภาวะที่เป็นพิษ ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว รักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ นอกจากนี้สำหรับคนที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้สูงอายุ หากมีอาการเริ่มป่วย เช่น มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ขอให้รีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที เนื่องจากมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนปอดบวมได้ หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 จังหวัดราชบุรี เบอร์ติดต่อ 032310804 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422 นายแพทย์สมาน กล่าวปิดท้าย