ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เผยยังไม่เห็นมีใครมายื่นหนังสือเรื่องให้ย้ายผู้การกาญจนบุรีส่วนสำนวนคดีที่ผบ.ฯสั่งให้กองปราบรับไปทำรู้สึกดีใจ ไม่อึดอัด

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 12.57 น. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 อำเภอเมืองจังหวัดนครปฐม พลตำรวจโท กิตติพงษ์ เงามุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เผยว่า กรณีที่มีข่าวจะมีผู้มายื่นหนังสือให้ย้ายผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ออกนอกพื้นที่ เหตุจากกรณีเรื่องหวย 30 ล้านว่าประพฤติตนไม่น่าไว้วางใจ นั้น จนถึงบัดนี้ยังไม่พบว่ามีผู้ใดมายื่นหนังสือดังกล่าว โดยส่วนตัวก็เห็นว่าผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ก็ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาไม่เห็นว่าเอนเข้าข้างผู้ใด อาจจะเกิดความเข้าใจผิดกรณีที่ ได้พูดคุยกับคู่กรณีทั้งสองฝ่ายที่บ้านพักส่วนตัว

ส่วนกรณีที่ ผบ.ตร.มีคำสั่งให้โอนสำนวนการสอบสวนคดีหวย 30 ล้านที่เป็นข่าวอยู่ขณะนี้ไปให้ทางกองปราบปราบทำต่อ ตรงนี้ถือว่ารู้สึกสบายใจเพื่อจะได้ลด ความรู้สึก ขัดแย้งของแต่ละฝ่ายที่เซียร์ แต่ละฝ่าย คือฝ่ายครู และฝ่ายหมวดจรูญ ซึ่งในข้อเท็จจริงทางตำรวจภูธรภาค 7 กับตำรวจกองปราบก็ทำงานเรื่องนี้ร่วมกันมาตั้งแต่ต้นแล้ว ในเมื่อทางผู้เกี่ยวข้องต้องการให้โอนสำนวนการสอบสวนไปให้ทางกองปราบปรามทำ ตรงนี้ก็ถือว่าสบายใจด้วยกันทุกฝ่าย ซึ่งในส่วนของตำรวจภูธรภาค7 ก็ทำอย่างตรงไปตรงมา ค้นหาหลักฐานพยาน ทั้งสองฝ่ายมาประกอบสำนวน ส่วนที่มีผู้มอง ไปกันคนละมุมตรงนั้นก็เป็นสิทธิ์ของผู้ที่มอง แต่ผู้ที่จะชี้ขาดได้ไม่ใช่ตำรวจ ขั้นตอนยังมีชั้นอัยการและชั้นศาลอีก ตรงนี้ไม่ได้กังวลและไม่ได้มองว่าผู้บังคับบัญชาไม่ไว้วางใจ เพื่อความคล่องตัวรวมทั้งอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือที่มีความพร้อมด้านเทคโนโลยีของกองปราบมีมากกว่า จึงโอนสำนวนไปให้ทางกองปราบปรามดำเนินการ

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ พลตำรวจตรีกฤษณะ ทรัพย์เดช รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบควบคุมในคดีหวย 30 ล้านดังกล่าว บอกว่า ก็ดีที่ ทางผู้บังคับบัญชาระดับสูง ได้มีคำสั่งโอนสำนวนการสอบสวนไปให้ทางกองปราบปรามทำ ซึ่งหากยังอยู่ในการควบคุมดูแลของตำรวจภูธรภาค 7 ผลออกมาว่าฝ่ายใด ได้เปรียบฝ่ายใดเสียเปรียบก็ไม่พ้นคำครหาอยู่ดี ซึ่งในข้อเท็จจริงทางตำรวจภูธรภาค7 ทั้งพนักงานสอบสวนทั้งชุดสืบสวนที่ออกสืบสวนรวบรวมหลักฐานและพยานต่างก็ค้นหาหลักฐานทั้งสองด้านให้ได้มากที่สุดเพื่อนำมาประกอบสำนวน ส่วนการจะสั่งฟ้องผู้ใดหรือไม่ฟ้องผู้ใด ผู้ใดได้เปรียบผู้ใดเปรียบนั้นเป็นหน้าที่ของพนักงานอัยการและศาลไม่ใช่พนักงานสอบสวน

ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อนการแถลงข่าวของตำรวจภูธรภาค 7 วันดังกล่าวทุกคนก็คงจะได้เห็น เราเปิดเผยได้ในส่วนที่เปิดเผยได้ซึ่งไม่ใช้ชั้นความลับของสำนวน ก็ยังออกมาทั้ง เป็นที่พอใจของฝ่ายหนึ่งและไม่พอใจของอีกฝ่ายหนึ่ง ออกหัวหรือออกก้อยตำรวจภูธรภาค 7 ก็ถูกมองว่าเอนเอียงอยู่ดี