สุพรรณบุรี กลุ่มผู้ปลูกเมล่อนหนองหญ้าไซ โอดพิษโควิด 19 ส่งออกไม่ได้กว่า 300 ตัน

นายอำนาจ แตงโสภา นายก อบต.แจงงาม  อ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี ประธานกลุ่มวิสาหกิจผู้ปลูกเมล่อนบ้านหนองคาง เปิดเผยว่าในอดีตที่ผ่านมา อ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี เป็นอำเภอที่มีความแห้งแล้งสูงมาก เพราะอยู่ในพื้นที่นอกเขตระบบชลประทาน การปลูกพืชต่างๆ จึงได้ผลไม่ดีเท่าที่ควร จึงก่อให้เกิดการเกษตรในระบบโรงเรือน ซึ่งใช้น้ำน้อย เกษตรกรจึงหันมานิยมปลูกเมล่อนญี่ปุ่น ที่เป็นพืชใช้น้ำน้อย โดยหลังจากเกษตรกรหันมาปลูกเมล่อนญี่ปุ่นจึงก่อให้เกิดรายได้มากกว่าการปลูกพืชประเภทอื่น เป็นระยะเวลากว่า 13 ปี ที่มีการปลูกเมล่อนในพื้นที่ โดยได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเมล่อนที่มีรสชาด หวาน กรอบ หอมและอร่อยที่สุดในประเทศไทย จนทำให้ประสบความสำเร็จในการปลูกเมล่อน ทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเมล่อน ถือว่าเป็นของดี อ.หนองหญ้าไซ เป็นที่รู้จักของประชาชน




นายอำนาจ  กล่าวต่อว่า ตนได้ต่อสู้ ร่วมกับชาวบ้าน มาถึง 13 ปี ในการส่งเสริมให้ความรู้แก่เกษตรกร ในการปรับตัวปลูกพืชให้เข้ากับสภาวการณ์ กระทั่งการปลูกเมล่อนได้ผลดี จนก่อให้เกิดการสร้างรายได้และเศรษฐกิจขึ้นในชุมชน ซึ่งปัจจุบัน เมล่อนที่ชาวหนองหญ้าไซปลูก มีขนาดพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทย และส่งจำหน่ายทั้งในและนอกประเทศ มีมูลค่ากว่า 70 ล้านบาท นับเป็นเรื่องที่น่าภาคูมิใจของชาว อ.หนองหญ้าไซ ที่สามารถสร้างรายได้เข้าสู่ชุมชนเป็นอย่างมาก จนเกิดการรวมกลุ่มมีสมาชิกกว่า 100 คน

               แต่ปัจจุบันกำลังประสบปัญหาพิษไวรัสโควิด 19 ทำให้เกษตรเครียดอย่างมาก เนื่องจากผลผลิตเมล่อนกำลังออกสู่ตลาด ตามแผนการตลาด เดือนเมษายน-พฤษภาคม 2563 จำนวนกว่า 300 ตัน แต่ปัจจุบันไม่สามารถขายได้ เนื่องจากตามห้างใหญ่ได้ปิดตัวเองเนื่องจากประสบปัญหาไวรัสโควิด 19

รวมทั้งผลผลิตที่เคยส่งประเทศเพื่อนบ้านก็ไม่สามารถส่งออกได้ จึงขอวอนภาครัฐ และพี่น้องประชาชนช่วยเหลือรับซื้อเมล่อนเกรดพรีเมี่ยม ราคาถูก  ขนาด 1 กก.ๆละ 20 บาท ขนาด 1.1 กก.ๆละ 25 บาท ขนาด1.2 กก.ๆละ 30 บาท ขนาด 1.3 กก.ๆละ 35 บาท และขนาด1.4-2.5 กก.ๆละ 40 บาท สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ กลุ่มวิสาหกิจผู้ปลูกเมล่อนบ้านหนองคาง 095-7982261