นครปฐม หลวงพี่น้ำฝน เตือนตีนแมวย่องเบาเงินวัดเป็นกรรมหนัก

นครปฐม หลวงพี่น้ำฝน เตือนตีนแมวย่องเบาเงินวัดเป็นกรรมหนัก

หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เตือนตีนแมวย่องเบาฉกเงินวัดสร้างกรรมไม่นานจะเห็นผลเป็นกรรมหนัก โดยวัดไผ่ล้อมป้องกันดีแล้วแต่เจอมืออาชีพบุกก่อเหตุ ซึ่งกรณีคนร้ายไม่แตะเงินบริจาค 2 จุดน่าจะเกิดจากไม่กลัวในบารมีของหลวงพ่อพูลและกุมารสมบัติก็มองไม่เห็น ส่วนตัวเชื่อคือการแสดงปาฏิหาริย์อีกอย่างหนึ่ง ขณะศิษย์เชื่อในบารมีและศรัทธาในมงคลเกจิดังที่ล่วงลับ โดยมีผู้คนมาขอพรขอโชคไม่ขาดสาย

วันนี้ 9 ธันวาคม 2563 ที่วิหารพระพุทธเมตตาประทานพร วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เผยกับผู้สื่อข่าวหลังมีคนร้ายบุกงัดเข้าวิหารฯ พร้อมกวาดทรัพย์สินสำคัญและเงินสดที่อยู่ในตู้รับบริจาคกว่า 10 ใบ แต่ปรากฏว่ามีเพียงตู้เงิน ที่ตั้งอยู่หน้าสังขารหลวงพ่อพูลและกุมารสมบัติ ซึ่งเป็นจุดสำคัญของวัดไผ่ล้อมที่จะมีประชาชนมากราบขอพรอยู่เป็นประจำที่คนร้ายไม่ได้เอาเงินสดไปทั้งๆ ที่มีกล่องเงินเป็นแบบใสและมีเงินบริจาคใส่อยู่เต็มกล่อง ทำให้เกิดมีกระแสปาฏิหาริย์ เรื่องสิ่งเร้นลับที่มาบังตาไม่ให้เห็นตู้รับบริจาคจากทั้ง 2 จุด เป็นที่ฮือฮาในหมู่ลูกศิษย์และเจ้าหน้าที่ของวัดที่ได้ตรวจสอบทรัพย์สินที่สูญหายไป

โดยหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เผยว่าเรื่องนี้ก็ได้รับการแจ้งจากลูกศิษย์ลูกหามาเป็นจำนวนมากและได้มาแสดงความเป็นห่วงซึ่งในส่วนความเชื่อนั้นส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะเป็นเพราะปาฏิหาริย์ที่หลวงพ่อพูลนั้นได้มีบารมี ซึ่งมองได้ 2 ประเด็นคือ มีความหวาดกลัวบาปต่อหลวงพ่อพูลและไม่กล้ายุ่งกับกุมารสมบัติที่มีเรื่องเล่าถึงความซุกซนและมีอิทธิฤทธิ์ เป็นที่รู้กัน หรืออีกนัยคือเรื่องของการที่มีอะไรมาบังตาให้มองไม่เห็นหรือไม่เห็นตู้รับบริจาคอย่างที่ว่ากันในตอนนี้

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวอีกว่า สำหรับหลวงพ่อพูลนั้นศิษยานุศิษย์นั้นเป็นที่ทราบกันดีถึงบารมีของหลวงพ่อพูลว่าท่านมีเมตตาเป็นพระสงบเงียบเรียบง่าย แต่ใครที่ใกล้ชิดก็จะรู้กันว่าท่านนั้นมีวิชาในตัวแต่ไม่เคยแสดงบารมีออกมาให้ใครเห็นและยังเป็นพระอรหันต์ที่ ละสังขารในวันวิสาขบูชา ส่วนกุมานสมบัตินั้นเป็นกุมารที่คู่บารมีของท่านโดยท่านมีอะไรก็จะสั่งให้กุมารสมบัตินั้นได้นิมิตรไปตามใจสั่งถึงได้เกิดเรื่องเล่าลือกันว่ากุมารสมบัตินั้นได้มาช่วยผู้คนเยอะมากโดยเฉพาะกลุ่มผู้ค้าขายและขอโชคลาภ ซึ่งสิ่งที่กุมารสมบัติได้ให้โชคลาภผู้คนนั้น ที่เป็นถาวรวัตถุนั้นมีไม่น้อยกว่า 300-400 ล้านบาท ที่อยู่รายรอบพื้นที่วัดไผ่ล้อมและอาตมาก็นำมาสงเคราะห์กับผู้คนตามรอยหลวงพ่อพูลจนทุกวันนี้

“อาตมาขอฝากไปถึงโจรหรือตีนแมวทุกคนที่บุกย่องฉกงัดตู้บริจาคในทุกวัดทั่วประเทศว่า ตอนนี้วิกฤติโควิด-19 ก็ทำให้วัดและสังคมเราแย่อยู่แล้ว ยิ่งโจรที่ออกงัดแงะวัดหลายๆแห่งก็จะเป็นกรรมที่ติดตัวไปด้วย อาตมาคิดว่าถ้าโยมกลับตัวกลับใจได้ก็ให้หันกลับตัวกลับใจมาทำมาหากินอย่างสุจริตนั่นคือสิ่งที่ถูกต้องตามวิถีของผู้คนปกติ เพราะการงัดแงะวัดต่างๆ เชื่อเถอะว่ามันเป็นกรรม ไม่ช้าไม่นานกรรมเหล่านั้นก็จะส่งผลออกมาให้เห็นอย่างแน่นอน ส่วนของวัดไผ่ล้อมนั้นเชื่อว่าตำรวจจะตามตัวได้แน่ ซึ่งที่ผ่านมาทางวัดก็ได้มีการป้องกันแล้วแต่คนร้ายรายนี้น่าจะเป็นโจรที่มีความสามารถมากซึ่งเราก็ทำอะไรไม่ได้ ก็ได้แต่ใช้หลักธรรมกับคำว่าปลงให้ได้” หลวงพี่น้ำฝนกล่าวปิดท้าย

และนางสาววะดี จัดไธสง อายุ 39 ปี เจ้าหน้าที่ร้านกาแฟบุญ และนางสาวบุญพา หลงพาสุข อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ บอกว่าที่ผ่านมาในส่วนกุมารสมบัตินั้นมีคนมากราบไหว้ขอโชคลาภมากมายซึ่งมีการมาแก้บนทุกวันและหลายรายจะมาเงียบๆไม่บอกใคร ซึ่งตอนนี้ก็มีนัดหมายจากคนที่มาบนบานขอโชคในการค้าขายที่ดินให้สำเร็จจะนำสร้อยคอทองคำมาแก้บนอีกไม่กี่วันนี้และจุดที่พวกตนเชื่อคือน่าจะมีอะไรบังตาคนร้ายที่เข้ามางัดเงินในตู้บริจาคหน้าตู้ที่ตั้งกุมารสมบัติเพราะคนร้ายได้งัดหน้าต่างเข้ามาจุดแรกที่พบก็จะเจอรูปปั้นและตู้รับบริจาคเงินทันทีแต่กลับไม่ได้เข้ามาเอาไปทั้ง 2 จุดก็เชื่อว่านี่คือปาฏิหาริย์ของกุมารสมบัติ ซึ่งยังมีคนที่มาเช่าบูชากุมารสมบัติจะนำหุ่นกุมารสมบัติมาตั้งเพื่อให้ฟังพระสวดทำวัดเช้าเย็นก็มี โดยเป็นเรื่องอัศจรรย์ใจกับคนที่ให้ความเชื่อในเรื่องนี้ ด้วย
ด้าน นายทองภุม ลุ่มจันทร์ อายุ 73 ปี ข้าราชการบำนาญกรมป่าไม้ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ บอกว่า เรื่องนี้ตนเองเชื่อสนิทใจ ว่าเป็นเพราะบารมีของหลวงพ่อพูลที่ได้แสดงผลให้คนร้ายนั้นมองไม่เห็นตู้บริจาคเงินเพราะว่าอาจจะเป็นความต้องการที่จะไม่ให้คนร้ายทำบาปเพิ่มเติม ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ตู้เงินที่ตั้งอยู่ชัดเจนคนร้ายจะมองไม่เห็น ซึ่งตนเองเคยสัมผัสประสบการณ์ครั้งหนึ่งเรื่องบารมีของหลวงพ่อพูลครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ ครั้งหนึ่งขณะที่กำลังนิมนต์หลวงพ่อพูลกลับกุฏิหลังจากออกมารับกิจกับญาติโยมที่มาที่วัดไผ่ล้อม แต่เมื่อนิมนต์ท่านก็ไม่ไปบอกว่ารอเดี๋ยว ทุกคนก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นไม่นาน ก็มีนายทหารเดินทางมาหลายคนเข้ามากราบหลวงพ่อพูล ซึ่งหลวงพี่น้ำฝนก็อยู่ในเหตุการ์ด้วย ตรงนี้ทุกคนก็เชื่อว่าหลวงพ่อพูลท่านมีญาณรับรู้ แต่ท่านไม่ชอบอวดอิทธิฤทธิ์และเป็นพระพูดน้อย ท่านไม่ได้สอนเรื่องอิทธิปาฎิหาริย์แต่เน้นไปในเรื่องของการทำความดีและศรัทธา ซึ่งเมื่อทำแล้วก็จะเกิดปาฎิหาริย์ขึ้นเองดังที่เห็นมาหลายๆครั้ง โดยพุทธคุณบารมมีที่คนมากราบไหว้โดยหลักคือเมตตาค้าขายและโชคลาภเป็นหลัก
ด้าน นายพลพิทักษ์ พร้อมสุขดี อายุ 35 ปี ลูกศิษย์วัด เจ้าของร้าานลูกชิ้นทอดตลาดโต้รุ่งองค์พระปฐมเจดีย์ บอกว่า ตนเองเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อพูลมาตั้งแต่เป็นเด็ก ซึ่งมีความศรัทธามากเนื่องจากครั้งหนึ่ง พ่อเคยมีอาการแปลกๆ ไม่ยอมทำมาค้าขายไม่ทำงานและไม่ยุ่งกับใคร ซึ่งไปถามมาหลายที่ก็ได้รับคำตอบว่าน่าจะโดนผีเขมรเข้าสิง เมื่อได้าพบกับหลวงพ่อพูลท่านก็ได้ให้อาบน้ำมนต์ตามตำรับของท่านปรากฏว่าแค่ครั้งเดียวก็ทำให้หายเป็นปกติและกลับมาทำงานขยันเหมือนเดิมส่วนอีกเรื่องคือนามสกุลที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ หลวงพ่อพูลเป็นผู้ตั้งให้เป็นสิริมงคล เมื่อเปลี่ยนมาแล้วไม่นานผลก็ปรากฏเพราะที่บ้านถูกรางวัลที่ 3 ได้เงินมาหลายแสนซึ่งเรื่องของการที่โจรไม่เห็นตู้บริจาคเงินนั้นเป็นเพราะปาฏิหาริย์บารมีของหลวงพ่อพูลซึ่งกุมารสมบัติก็เป็นผลเดียวกันแน่นอน