หลวงพี่น้ำฝน วัดไผ่ล้อม รับเผาศพผู้ติดเชื้ออีกรายมีตำแหน่งเป็นธิดาช้างบางน้ำผึ้ง

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 ที่ฌาปนสถานวัดไผ่ล้อม ตำบลพระปฐมเจดีย์อำเภอเมืองจังหวัดนครปฐม ได้มีพิธีฌาปนกิจศพนายสุธิพงษ์ พูลสมบัติ  อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นสาวประเภทสอง มีตำแหน่งเป็นธิดาช้างบางน้ำผึ้ง ซึ่งมีน้ำหนักตัวมากถึงเกือบ 300 กิโล และเป็นชาวตำบลลานตากฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ซึ่งเสียชีวิตจากโรงพยาบาลนครปฐม ด้วยอาการปอดติดเชื้อไวรัสโคโรนา โควิด-19  และญาติได้นำมาฌาปนกิจที่วัดไผ่ล้อม โดยมีพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เป็นประธานในพิธี  ซึ่งเมื่อรถตู้จากโรงพยาบาลนำศพเลื่อนเข้ามาเจ้าหน้าที่ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ ก่อนช่วยกันยกโลงศพ โดยใช้เจ้าหน้าที่ถึง6คน ช่วยกันยกโลงศพที่หนักอย่างทุลัก ทุเล เมื่อยกขึ้นถึงฌาปนสถานเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถยกต่อได้ด้วยน้ำหนักมากจึงต้องใช้วิธีการเข็นโลงศพไปตามพื้นจนถึงเตาเผาศพก่อนยกเข้าในเตาอย่างยากลำบากด้วยขนาดของโลงศพที่ต้องสั่งทำเป็นพิเศษ

และจากการสอบถามนายศิระ อ่องคำ อายุ 33ปี เพื่อนรุ่นน้องที่เคยทำงานอยู่ด้วยกันได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่านายสุธิพงษ์ มีชื่อเล่นว่าป๊ะ เป็นสาวประเภทสอง มีอาชีพช่างแต่งหน้า และจัดอีเว้นตามงานต่างๆ รวมทั้งยังชื่นชอบในการประกวดนางงาม(ธิดาช้างจำแลง)ที่มีน้ำหนักมาก และชนะการประกวดได้รางวัลมาแล้วมากมาย  ซึ่งป๊ะโดยปกติเขามีน้ำหนักตัวเยอะอยู่แล้วแต่เขาก็ใช้ชีวิตได้ปกติ สามารถดูแลตัวเองได้ ไปแต่งหน้าให้ลูกค้าได้จนมาช่วงป่วยก็ไม่ได้พบกับเลย ซึ่งได้ตรวจพบว่าติดเชื้อโรคโควิด-19 และเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลนครปฐม ตั้งแต่วันที่16เมษายน เป็นต้นมา จนมาวันที่20เมษายนก็เข้าไอซียู ซึ่งเขามีอาการเหนื่อยหอบง่าย และก็เริ่มดีขึ้นแต่เมื่อคืนวันที่11พฤษภาคม เชื้อโรคได้ลงปอดทำให้เสียชีวิตลง

ทางด้าน หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้กล่าวว่าวันนี้ก็มีการติดต่อจากโรงพยาบาลนครปฐมอีก 1 ศพ ซึ่งผู้เสียชีวิตนั้นก็เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 วันนี้ก็เป็นเรื่องที่หน้าเสียใจผู้เสียชีวิตนั้นมีน้ำหนักร่วมสามร้อยโล เป็นอดีตธิดาช้างจำแลง ด้วยน้ำหนักตัวที่เยอะมากและเป็นที่รักของเพื่อนๆเยอะแยะมากมาย วัดไผ่ล้อมก็ประกอบพิธีให้ผู้วายชนม์อย่างสมเกียรติ และญาติที่ไม่ได้มาร่วมพิธีก็สามารถชมไลท์สดได้ที่เพจหลวงพี่น้ำฝน วัดไผ่ล้อม

ในการนี้หลวงพี่น้ำฝนก็ได้ให้โอวาท แก่ญาติๆว่าการทำพิธีให้โยมสุธิพงษ์ถือว่าทำได้สมบูรณ์แบบแล้วถึงจะไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้มาเยี่ยมเยียนกัน แต่เราก็ได้ทำตามขนบธรรมเนียมประเพณีทางพระพุทธศาสนา เราจะมาสวดแบบหลายๆวันมันไม่ได้ต้องทำตามที่รัฐบาล ราชการกำหนด แต่เราก็ทำครบถ้วนตามพิธีบำเพ็ญกุศลศพให้แก่ผู้วายชนม์ไปแล้ว ขอให้โยมสบายใจเราเกิดมาเป็นคนไทยก็ยังมีโอกาสที่จะทำอะไรตามขนบธรรมเนียมประเพณีไทยของเราได้ครบถ้วน ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้กับญาติโยมทั้งหลาย ให้มีความสุขทั้งทางและทางใจ ขอเจริญพร