ทลายเหมืองบิตคอยน์กลางเมืองสุพรรณ

PEA ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองสุพรรณฯ บุกทลายเหมืองบิตคอยน์กลางเมืองสุพรรณ เข้าตรวจค้นละเมิดการใช้ไฟฟ้าเพื่อใช้ขุดบิตคอยน์ พบละเมิดการใช้ไฟฟ้า ยึดของกลางเพียบ ฝากเตือนโทษหนักโดนคดีอาญา

วันที่ 29 พ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธนะ โชคพระสมบัติ ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 (ภาคกลาง) จังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย นายสาโรจน์ แช่มช้อย ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดสุพรรณบุรี ประสาน พ.ต.ท.ตะวัน วัฒนรังสรรค์ รอง ผกก.ป. สภ.เมืองสุพรรณบุรี และกำลังเจ้าหน้าที่  พร้อมส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันนำหมายค้นของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี เข้าตรวจสอบอาคารพาณิชย์ เลขที่ 69 ถนนขุนแผน อำเภอเมืองสุพรรณบุรี ด้านล่างเปิดเป็นร้านส่งพัสดุ   หลังสืบทราบมาว่า มีการลักลอบใช้ไฟฟ้า ในการทำเหมืองขุดบิตคอยน์ เจ้าหน้าที่จึงได้สนธิกำลังเข้าตรวจสอบบริเวณดังกล่าว  พบการละเมิดการใช้ไฟฟ้า ขณะตรวจสอบวัดกระเเสไฟฟ้าที่ใช้งาน เฟส A = 86.6 แอมป์ เฟส B = 58.90 แอมป์ เฟส C = 70.4 แอมป์ โหลดไฟฟ้าใช้งานรวม 46.7 กิโลวัตต์ คิดเป็นค่าเสียหายต่อเดือน 267,992 บาท  พร้อมตรวจพบของกลางเครื่องอุปกรณ์ขุดบิตคอยน์

จากการตรวจสอบ พบเพียงพนักงานที่ดูแลตึก  และได้ทำการตรวจค้น และตรวจสอบ บริเวณ อาคารพาณิชย์ ทุกชั้น และพบว่า  บริเวณ ชั้นลอย ชั้น 3  ได้มีห้องเก็บอุปกรณ์เหมืองขุดบิตคอยน์ บางส่วน  ประกอบด้วย การ์ดจอ  เครื่องขุด ตัวกระจายสัญญาณ  พัดลม ระบายความร้อน และอุปกรณ์สัญญาณอินเทอร์เน็ต  สายไฟ ในการดัดแปลงการใช้มิเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งทำให้กระแสไฟฟ้าผิดปกติ ซึ่งเป็นการลักลอบไฟฟ้าใช้ แบบผิดกฎหมาย  จึงได้ทำการยึดตรวจสอบของกลางไว้ จำนวนกว่า 12 รายการ ส่วนเครื่องขุดบิตคอยน์คาดว่า มีการขนย้ายออกไป

  ด้าน นายธนะ โชคพระสมบัติ ผู้ช่วยผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 ภาคกลางนครปฐม กล่าวว่า ได้สืบทราบมาว่า ที่อาคารแห่งนี้มีการใช้ไฟฟ้าผิดปกติ จึงได้ทำการตรวจสอบมิเตอร์ ซึ่งพบว่ามีการดัดแปลงจริง และมีการลักลอบใช้ไฟฟ้า  ในการทำเหมืองบิตคอยน์ จึงได้ขอหมายศาลในการขอเข้าตรวจค้น ซึ่งก็พบว่ามีการลักลอบใช้ไฟจริง โดยพบอุปกรณ์กว่า 12 รายการ ซึ่งได้เก็บรวบรวม เพื่อนำไปให้ตำรวจได้ทำการสืบสวนต่อ เพื่อดำเนินคดีทางกฎหมาย ในการละเมิด ดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า ลักไฟฟ้าใช้ อย่างไรก็ดี ก็อยากฝากถึงผู้ประกอบการ ที่มีธุรกิจเหรียญดิจิตอล บิตคอยน์ ซึ่งคนที่จะทำธุรกิจนี้ จะมีต้นทุนหลักเป็นเรื่องของพลังงานไฟฟ้า ที่ต้องใช้ในปริมาณมาก  จึงเป็นแรงจูงใจ ให้มีคนละเมิดการใช้ไฟฟ้า ในการดัดแปลงมิเตอร์  ซึ่งทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคนั้น มีทีมจนท.ตรวจสอบ มิเตอร์ หากเราพบว่า มิเตอร์ที่ทำการดัดแปลงนั้น ไม่มีตราตะกั่วของการไฟฟ้า  หรือ ตะกั่วผิดรูป  ซึ่งเราจะตั้งข้อสังเกต และใช้เครื่องมือวัดตรวจสอบ หากพบว่าผิดปกติ เราจะรีบดำเนินการทันที

ซึ่งกรณีนี้ ก็พบว่าผิดปกติ และพบว่ามีการเคลื่อนย้ายเครื่องขุดบิตคอยน์ออกไปก่อนหน้านี้   เบื้องต้นเราพบอุปกรณ์หลายอย่างที่ใช้ประกอบการขุดบิตคอยน์ และการดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า   ซึ่งล่าสุดที่เราคำนวณได้อย่างคร่าวๆ  ในเวลา 1 เดือน  มีการใช้ไฟฟ้า ไป  33,120  หน่วย.   ค่าไฟฟ้าหน่วยละ 7 บาท   ก็ประมาณ   2 .3 แสนบาท  แต่มิเตอร์ไม่มีการเคลื่อนไหว  ทางเราต้องไปดูว่า มีการลักลอบมานานเท่าไรแล้ว  ตามขั้นตอน  ซึ่งผู้ประกอบการที่ทำ ก็ต้องรับผิดชอบ ในส่วนค่าปรับการละเมิด ตามจำนวนที่ใช้ไปนานเท่าใด  เพราะคดีนี้เป็นคดีอาญาในการลักไฟฟ้าใช้ และการทำแบบนี้ ก็จะเป็นอันตรายมาก เพราะ หากไม่มีความรู้ความเข้าใจ จะทำให้เกิดอัคคีภัยได้ เนื่องจากการขุดเหมืองบิตคอยน์นั้นมีความร้อนสะสมเยอะมาก  อย่างไรก็ดี ขณะนี้  ทางตำรวจจะทำการสอบสวนติดตามผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีต่อไป

PEA ขอเตือนการละเมิดการใช้ไฟฟ้า นอกจากจะเป็นการกระทำผิดตามกฎหมายในคดีแพ่งและอาญาแล้ว ยังเป็นการติดตั้งระบบไฟฟ้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน อาจก่อให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร รวมถึงเกิดเพลิงไหม้ เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนหากพบเห็นการละเมิดการใช้ไฟฟ้าที่ผิดกฎหมาย การลักลอบขโมยสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้า ให้แจ้งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในพื้นที่ หรือแจ้งที่หมายเลข 1129 PEA Contact Center ตลอด 24 ชั่วโมง