รองผู้ว่าฯ ประจวบ เปิดอบรมสร้างการรับรู้ “สิทธิของฉัน เสรีภาพของเรา” นักเรียน รร.ประจวบวิทยาลัย ตระหนักรู้ในสิทธิเสรีภาพ เฝ้าระวังปัญหาการละเมิดสิทธิเด็ก

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 22 ก.ค.2568 ที่หอประชุมเทพสิทธิวิมลเมตตา โรงเรียนประจวบวิทยาลัย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานเปิดกิจกรรมฝึกอบรม ในโครงการเสริมสร้างความตระหนักรู้ด้านสิทธิเสรีภาพ หน้าที่ และสิทธิมนุษยชน “สิทธิของฉัน เสรีภาพของเรา” ให้กับนักเรียนโรงเรียนประจวบวิทยาลัย โดยมี นายวสันต์ เภรีวิค ยุติธรรมจังหวัดประจวบฯ กล่าวรายงาน มี น.ส.รจเรจน์ ใสสอาด รองอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดฯ นายรัฐกิจ ศรีนวล รองผู้อำนวยการโรงเรียนประจวบวิทยาลัย นายเอก แก้วชูเสน ที่ปรึกษาผู้ไกล่เกลี่ย ระดับจังหวัดฯ นายนันทเวช วรรณสุทธิ์ นักจิตวิทยาชำนาญการ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดฯ นางสาวบัณฑิตา แก้วบุตดา นักวิชาการยุติธรรมชำนาญการ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ น.ส.สุภานัน แกมเพ็ชร์ พนักงานคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นางจามจุรี ลิ้มกุลวราภิวัฒน์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชน สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด  เจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัด คณาจารย์และนักเรียน เข้าร่วม

ทั้งนี้คณะทำงานผู้จัดทำโครงการ ซึ่งมาจากทุกภาคส่วนราชการ ประกอบด้วย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาฯ(สพป.) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาฯ(สพม.) สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัด(ปชส.) สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้(สกร.) สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดฯ(พม.) สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด

นายวสันต์ เภรีวิค ยุติธรรมจังหวัดฯ กล่าวว่า กรมคุ้มครองสิทธิและเสร็ภาพ โดยสำนักงานยุติธธรรรมจังหวัดประจวบฯ มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริม เผยแพร่ความรู้ เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน หน้าที่ สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญให้แก่ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย  

กิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายผลการส่งเสริมสิทธิภาพและสิทธิมนุษยชน ภายหลังจากที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้จัดฝึกอบรมให้ความรู้กับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งประกอบด้วย เจ้าหน้าที่รัฐ องค์กรส่วนท้องถิ่น องค์กรศาสนา และประชาชนทั่วไป ในพื้นที่จังหวัดภาคกลาง ได้แก่จังหวัดนครปฐม เพชรบุรี ราชบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไปแล้วนั้น โดยผู้ที่ผ่านการอบรมในพื้นที่จังหวัดประจวบฯ ได้นำความรู้ที่ได้รับจากการฝึกอบรมไปถ่ายทอดและขยายผลให้กับประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐในพื้นที่ของตนเองในเชิงป้องกันและส่งเสริมการแก้ไขปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดประจวบฯ ซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มีการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิในกระบวนการยุติธรรมและช่องทางการอำนวยความยุติธรรรม การละเมิดสิทธิเด็กและเยาวชนในชุมชนและสถานศึกษา การคุ้มครองเด็กที่ถูกละเมิด โดยวิทยากรที่มีความรู้ ความสามารถ เพื่อให้นักเรียนนักศึกษาและคนในชุมชนได้ตระหนักรู้ถึงปัญหาดังกล่าว และช่วยกันแก้ไขปัญหา ไม่ให้เกิดปัญหาการการละเมิดสิทธิและส่งผลให้เกิดปัญหาทางสังคมตามมาได้ในอนาคต

จากนั้นได้จัดให้มีวิทยากรบรรยายให้ความรู้ ในเรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรมและช่องทางการอำนวยความยุติธรรม และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง  , ปัญหาการละเมิดสิทธิเด็กและเยาวชนในจังหวัดประจวบฯ และการคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็กที่ตกอยู่ในภาวะอันตรายหรือถูกละเมิดสิทธิ , การคุ้มครองเด็กที่ถูกละเมิดสิทธิ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546

ทั้งนี้ “สิทธิมนุษยชน” เป็นคุณธรรมสากลซึ่งประกอบไปด้วยหลักการพื้นฐานอันมุ่งหวังให้เพื่อนมนุษย์พึงกระทำต่อกัน 4 ประการ ได้แก่ 1. การเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ 2. การเชื่อมั่นในความเท่าเทียมของบุคคล โดยปราศจากการแบ่งแยก 3. การศรัทธาในสิทธิและเสรีภาพของบุคคล 4. การปฏิบัติต่อผู้อื่นในฐานะที่เป็นเพื่อนมนุษย์เช่นเดียวกัน หลักการสิทธิมนุษยชนพื้นฐาน 4 ประการดังกล่าว ยังถือเป็นหลักการสำคัญในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนซึ่งถือกำเนิดขึ้น เพื่อให้ทุกคนได้เรียนรู้และเข้าใจร่วมกันในหลักการสิทธิมนุษยชน
จนนำไปสู่การยอมรับและเกิดเป็นวัฒนธรรมการเคารพสิทธิมนุษยชนขึ้นในที่สุด และเป็นหัวใจสำคัญยิ่ง ที่เราทุกคนควรจะได้ตระหนักและนำมาปรับใช้ในบริบทของตนเอง โดยเฉพาะครูบาอาจารย์ ซึ่งเป็น
ผู้มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการก่อร่างสร้างฐานอันมั่นคงให้แก่สังคม โดยการปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้และตระหนักถึงคุณค่าของสิทธิมนุษยชนผ่านการประยุกต์ใช้ในบทเรียน กิจกรรมการเรียนการสอน
และวิถีชีวิตประจำวัน

สำหรับในช่วงที่ผ่านมา จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีเหตุการณ์ละเมิดทธิเด็กและเยาวชนเกิดขึ้นหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นกรณีเด็กชายอายุไม่ถึง 15ปี ถูกครูโรงเรียนแห่งหนึ่งได้กระทำอนาจารกับนักเรียนต่อเนื่องมาหลายคน และเหตุพระได้ชื้อบริการทางเพศกับเด็กอายุไม่ถึง 15 ปี  หรือกรณีเด็กไร้สัญชาติ ที่ไม่ได้รับสิทธิทางการศึกษา เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นที่ทุกภาคส่วนต้องตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันการละเมิด  สิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนของเด็กในพื้นที่จังหวัดประจวบฯ ซึ่งการจะดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายนั้น  การสร้างความรู้และความเข้าใจให้แก่บุคลากรทางการศึกษาจึงเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา มีบทบาทเป็นแกนนำหลักในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและแนวคิดของเด็กนักเรียน อันจะนำไปสู่การพัฒนาทักษะทางสังคมที่ดีขึ้น โดยหวังว่าจะทำให้เด็กเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตและพลังที่จะขับเคลื่อนประเทศในภายภาคหน้า ได้เกิดการเรียนรู้สิทธิมนุษยชนอย่างมีส่วนร่วม มีความรู้ ความเข้าใจและตระหนักรู้หลักสิทธิมนุษยชน

คณะผู้จัดโครงการฯ มุ่งหวังว่ากิจกรรมในครั้งนี้จะทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งนักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ เกิดความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ ทัศนคติด้านสิทธิมนุษยชนติดตัว สามารถบูรณาการสิทธิมนุษยชนให้เข้าไปปรากฏอยู่ในวิถีปฏิบัติประจำวัน ทั้งภายในห้องเรียนและนอกห้องเรียน นำไปปรับประยุกต์ให้เหมาะสมในสังคมได้อย่างมั่นคงยั่งยืนสืบไป//////////