นะหน้าทอง ของโบราณสืบทอดมาแต่บรรพชน #หลวงพี่น้ำฝน

เจริญพรญาติโยมผู้อ่านทุกท่าน ในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีเรื่องราวต่าง เกิดขึ้นมากมายเกี่ยวกับวัด กับพระและหนึ่งในเรื่องที่ถูกพูดถึงกันก็คือ เรื่องนะหน้าทอง ในจุดไฟในใจคนตลอดหลายปีที่ผ่านมา อาตมาเอง ก็กล่าวถึงนะหน้าทองอยู่บ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้อาตมาก็คงต้อง ขอกล่าวโดยพิสดารกว่าที่เคยสักหน่อย เพราะเรื่องนะหน้าทอง มันมีรายละเอียดมากเรื่องนะหน้าทองนั้น เรียกว่าเป็นสิ่งเสริมราศีในเรื่องเมตตา มหานิยมที่เป็นที่นิยมมาแต่โบราณกาล หากกระทําอย่างถูกต้อง ตามตํารับตําราแล้ว ก็จะได้ผลดีนักแล ของแบบนี้มีมาแต่โบราณ อาตมาก็สุดจะหาต้นตอแรกเริ่มได้ เพราะมันนานมาแล้วหลาย ชั่วอายุคน กระทั่งอาตมาเองก็ได้รับวิชาสืบต่อมาในปัจจุบันนี้ เท่าที่อาตมาพอจะรู้ พอจะหาต้นตอได้ ที่เรียกว่านะเพราะ การลงนะคือการจารอักขระลงไปที่กระหม่อม ที่ใบหน้า คาถาที่จารนี้ ขึ้นต้นว่า นะโม จึงเรียกสืบกันมาว่า นะ แล้วที่ว่าหน้าทองนั้น ทองคือ ความผุดผ่อง ที่ว่ามีผิวพรรณงามผ่องเหมือนทองคํา ใครเห็น แล้วก็รักใครเห็นแล้วก็หลง เป็นอภิมหาเมตตามหานิยม ทองนั้น เป็นของดีขนาดไหน ก็คิดดูเอาเถิดว่า คลินิกเสริมความงามสมัยนี้ บางแห่ง เขาเอาทองคําเปลวปิดหน้าราวกับทํานะหน้าทอง แต่ คนทําเป็นหมอ ถึงไม่ได้ลงอักขระอะไร บางทีก็มีเป็นครีม เป็นที่ แปะหน้าพอกหน้าสารพัดยี่ห้อ บอกว่าอันนี้นะผสมด้วยทองคําเปลว แต่เขาก็เชื่อว่า ไอ้ทองคําเปลวที่แปะลงไปนั้นมันมีสรรพคุณ ให้ผิวหน้างดงาม ชะลออายุผิวหน้า แม้อายุจะขึ้นเลขอะไรก็ตาม ก็ไม่หวั่น แล้วก็ทํากันมาในหลายมุมโลกแต่โบร่ําโบราณ ร่ําลือถึงขั้นว่าพระนางคลีโอพัตราแห่งอียิปต์ ที่มีคําร่ําลือเรื่องความงามระดับ ล่มเมืองได้ ก็ใช้ทองคําเปลวแปะลงบนใบหน้าเพื่อให้ผิวพรรณ ผุดผ่อง อันนี้อาตมาก็ไม่ทราบแน่ และในทางการแพทย์จริง หรือ เรื่องอายุรเวทเขาว่าอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องทอง แต่ว่าเรื่องที่อาตมา ยกมานี้ก็พอจะทําให้เห็นภาพว่า คนโบราณคิดว่าทองคําเกี่ยวข้อง กับความงดงาม ผิวพรรณที่ดี ก็น่าจะเป็นที่มาว่าทําไมสุดยอดวิชา เมตตามหานิยมต้องมีทองคําเป็นส่วนประกอบ ไม่ว่าจะทางตรง หรือทางอ้อมนะ เพราะบางคนก็ว่า ที่ปิดทองลงบนใบหน้า เพราะ มาจากเรื่องพระลักษมณ์หน้าทอง ซึ่งพระลักษมณ์นั้นเป็นผู้มีรูปงาม มีผิวกายสีเหลืองอ่อนเหมือนน้ําทองมาทา ตรงนี้ก็พอจะเข้าใจได้ว่า คนแต่โบราณมองว่าผิวดีผิวงามต้องมีสีทองผุดผ่อง าเป็นสีทองแล้ว ใครก็รัก ใครก็หลง พวกลิเก ละคร ชอบกันนัก จะได้เป็นพระเอก นายโรงที่คนชื่นชอบพอจะปิดทอง ตํารับที่อาตมาได้รับสืบทอดมานั้น ให้ทาด้วย น้ํามันจันทน์ นั่นไม่ใช่น้ํามันธรรมดานะ แต่เป็นน้ํามันที่หอมมาก เพราะสกัดจากไม้จันทน์อันมีกลิ่นหอม เลอค่า แล้วทีนี้มาถึงขั้นตอน ลงนะ อาตมาก็ทํามาแต่เริ่มเรียนวิชานี้ คือลงอักขระลงบนแผ่นทองที่ติดไว้ ระหว่าง จารลงไปบนแผ่นทอง ก็บริกรรมคาถาอาคมตาม ที่ครูบาอาจารย์สั่งสอนมา ให้มาบังเกิดเป็นนะเมตตา สถิตอยู่ยังหน้าผาก บนส่วน ต่าง ของใบหน้า ใครเห็น ก็รัก ใครเห็นก็หลง เสร็จ แล้วเป่า อัดลงบนใบหน้า ร่ําลือกันว่าในสมัยโบราณ มีครูบาอาจารย์ฝีมือดีลง นะหน้าทองได้ฉมังนัก แล้ว ก็มีคนผู้หนึ่งมาลงนะหน้าทอง อยู่เป็นประจํา ลงไปลงมา คนนั้นตายตามอายุขัย พอเผาศพเหลือแต่กระดูก เล่ากันว่ากระดูกตรงหน้าผาก ตรงที่ลงนะน่ะ มีทองติดอยู่ เป็นเรื่องประหลาดมาก ยันต์ที่ใช้ จารลงบนแผ่นทองที่ใบหน้าก็มิใช่มนต์ดําไสยมีดอะไร เป็นยันต์ พุทธคุณทั้งนั้น อาตมาได้ลองคุยกับผู้รู้ทางวิชาการ เขาเรียกว่ายันต์เป็นระบบสัญลักษณ์ ที่รวมเอาพุทธคุณมาบรรจุลงในสัญลักษณ์ เพื่อสื่อความหมายตามที่ต้องการจะสื่อ ในที่นี้ก็คือให้พุทธคุณให้ มาบังเกิดเป็นนะเมตตา

ที่อาตมาทําไปนี้ก็ไม่ได้คิดว่าเป็นพุทธพาณิชย์ คือ การ หากินด้วยความงมงายหวังแต่จะเอาเงินเข้ากระเป๋า เงินนั้นเข้า กระเป๋าแน่ แต่เป็นกระเป๋าวัด เป็นเสนาสนะ ถาวรวัตถุอันงดงาม เป็นปัจจัยสี่ให้พระเณร เป็นสํานักปฏิบัติธรรม กระเป๋ากองทุน เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ต่าง เป็นการศึกษา ค่าเล่าเรียน เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ ได้เป็นประโยชน์ต่าง มากมาย และ อาตมานั้นก็ถือว่าญาติโยมมาลงนะหน้าทอง เขาต้องการขวัญกําลังใจ ก็เหมือนคนโบราณในสนามรบ ไปสู้กับศัตรูข้าศึก เขาต้องการตะกรุดผ้าประเจียด เอาคาดเอาผูกไว้กับตัวไปสู้กับข้าศึก ให้แคล้วคลาด ปลอดภัย ในสนามรบนั้นมันมีอะไรหลายอย่าง หลัก ก็คือต้อง ใช้ฝีไม้ลายมือของตน เพลงดาบเพลงทวน ถึงกระนั้นก็ต้องการ ความมั่นใจ ก็ต้องคาดประเจียด สมัยนี้เป็นสงครามเศรษฐกิจ การค้า เป็นการต่อสู้ในชีวิต คนก็ต้องการขวัญและกําลังใจ ต้อง การความมั่นใจในการฝ่าฟันอุปสรรคในชีวิต ในธุรกิจการค้า โดย เฉพาะอาชีพที่ต้องอาศัยคุณสมบัติเรื่องหน้าตา วาจา ให้ใครเห็น ก็รักใคร่จะได้ดี นะหน้าทองก็เป็นเครื่องมือสําหรับตรงนี้ อาตมา ก็สงเคราะห์ให้ อาตมาเป็นพระสงฆ์ มีหน้าที่อย่างหนึ่งคือต้องสงเคราะห์ทางใจแก่ญาติโยม

แต่ถึงอย่างนั้นผู้คนก็มักจะพุทธกันไป บอกว่าเป็นไสยศาสตร์บ้าง เป็นของไม่ดีไม่งามบ้าง อาตมาก็ไม่ว่าอะไร แต่อาตมาก็ต้อง อธิบาย บางทีคนที่พูดมากไปก็ไม่เคยได้เข้ามาดู มาเห็นจริงที่วัด ไม่ได้มาเห็นพิธีที่เขาทํากัน มีคนมากมายจากที่ต่าง ทั้งชาย หญิงมาอย่างมีความหวัง มาอย่างต้องการกําลังใจ มารอทําพิธี ซึ่งก็ต้องจองคิวล่วงหน้านะต้องมีการจอง รอคิวเข้ามาทําพิธี รายได้ที่ได้จากการลงนะนั้นไปอยู่ที่ไหน ก็อย่างที่อาตมาเล่าไปข้างบน ว่ากลายเป็นถาวรวัตถุ เป็นปัจจัยสี่ชาววัด เป็นทุนการศึกษา เป็นเครื่องมือแพทย์ เป็นประโยชน์แก่คนทั้งหลาย ถือว่าเป็นบุญ ของผู้มาประกอบพิธี ได้ทั้งความเป็นสิริมงคลตามความเชื่อ และ ได้บุญจากการสร้างประโยชน์ให้กับผู้อื่น ถือว่าการลงนะหน้าทองนั้น มิได้เปล่าประโยชน์เลย ฉะนั้น อาตมาก็ขออธิบายไว้ดังนี้ ขอเจริญพร